นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ร่วงแรงกว่า 500 จุด จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า เพื่อมาควบคุมเงินเฟ้อสหรัฐฯ
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ได้ปรับตัวลงมาเหลือ 1.4% ในช่วงสั้นจากความกังวลสภาพคล่องในตลาด ที่มีการขายหุ้นแล้วไปซื้อพันธบัตร ส่งผลให้ Bond yield ปรับตัวลง เพราะการซื้อพันธบัตรจัดเป็นการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้หุ้นในกลุ่มพลังงานสามารถประคองตลาดฯได้บ้าง
สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าตลาดจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่รอบนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะปรับคาดการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งก็คาดว่าจะปรับลงเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันยังสูง และให้จับตาจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 2/64 หรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,605 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,290.08 จุด ร่วงลง 533.37 จุด (-1.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,166.45 จุด ลดลง 55.41 จุด (-1.31%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,030.38 จุด ลดลง 130.97 จุด (-0.92%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.60 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลง 457.28 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 299.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 มิ.ย.) 1,612.98 จุด ลดลง 4.67 จุด (-0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,434.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 มิ.ย.) ปิด 71.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.50/53 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากทิศทางดอลลาร์แข็งค่า
- ธุรกิจการบินเตรียมพร้อมเปิดประเทศ คิกออฟ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" 1 ก.ค. 18 แอร์ไลน์ลัดฟ้าบินอินเตอร์ฯ ปริมาณเที่ยวบิน ก.ค. ฟื้นตัวเกือบ 50% "ททท."ระบุยอดจองนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลยุโรป-อเมริกา 7 พันคน เตรียมอัดโปรฯ เร่งตัดสินใจ หนุนเที่ยวบินขาออกจากภูเก็ตกระจายเที่ยวพื้นที่อื่นทั่วไทย "การบินไทย" เพิ่มความถี่บินตรงภูเก็ต เผยยอดจองล่วงหน้าเส้นทางยุโรปแตะ 40%
- กรมชลประทานเตรียมผุด 5 โครงการยักษ์ งบเฉียดแสนล้านรองรับอีอีซีเล็งเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล สร้างอ่างเก็บน้ำน้ำยวม รองรับการเติบโตของอีอีซีในอนาคต ห่วงอีก 10 ปีข้างหน้า "อุตสาหกรรม-ท่องเที่ยว-เกษตร" บูมเกิดปัญหาน้ำไม่พอใช้
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลในปีนี้จะเพิ่มอยู่ระดับ 3.2-3.5% ต่อสินเชื่อรวม จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ 3.12% โดยที่ยังต้องติดตามคือความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามปกติ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยที่คาดว่าเอ็นพีแอลสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.97% จากสิ้นปี 63 เอ็นพีแอลรายย่อย 2.84% ซึ่งการเพิ่มขึ้นอาจไม่ได้มากหากไม่มีมาตรการช่วยเหลือจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ต่างๆ เข้ามาชะลอ
- ธอส.จ่อชงบอร์ดเคาะทุ่ม 4 หมื่นล้านบาท ลุย "บ้านล้านหลังเฟส 2" คาดติดเครื่องปล่อยกู้ได้ ก.ย.2564 ชูกู้ซื้อบ้าน 1.2 ล้านบาท ผ่อนคงที่ 7 ปี เดือนละ 5 พันบาท พร้อมอวดผลงานเฟสแรก ตะลุยปล่อยกู้ช่วยผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยแล้ว 4 หมื่นล้านบาท
- บอร์ด รฟท.เคาะ "ยูนิค" สร้างไฮสปีดไทย-จีน "ดอนเมือง-นวนคร" 1.05 หมื่นล้าน คาดลงนามใน 1 เดือน เร่งเวนคืนและย้ายท่อน้ำมัน ขณะที่ อิตาเลียนไทย-เอ.เอสฯ เลื่อนเข้าพื้นที่เหตุ โควิดห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน เตรียมประชุมร่วม JC ช่วง 24-25 มิ.ย.เผยโยธาปัญหาเพียบ อาจต้องปรับไทม์ไลน์
*หุ้นเด่นวันนี้
- HMPRO (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 19 บาท คาดได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้เริ่มใช้ 1 ก.ค.- 31 ธ.ค. 64 และยังเป็นหุ้นหลักใน Them เปิดเมืองเพราะมีรายได้จากเมืองหลักและท่องเที่ยวคิดเป็น 70% ของรายได้รวม
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.40 บาท เป็นหุ้น Small Cap คาดไม่ถูกกดดันจากแรงขายของต่างชาติ ส่วนระยะสั้นกำไร Q2/64 คาดเติบโตโดดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y จากอานิสงส์ของโควิด-19 ระลอก 3 ทังการตรวจเชื้อและรักษา และโมเมนตัม H2/64 คาดยังดีต่อเนื่องจากการเปิดเมืองเปิดประเทศหนุนลูกค้า IVF ชาวจีนกลับมาใน Q4/64 รวมถึงนโยบายสนับสนุนมีบุตร 3 คน พร้อมคาดกำไรปี 64-65 +62% Y-Y และ +31% Y-Y ตามลำดับ
- BEC (เคทีบีเอสที) "ซื้อ"เป้า 19 บาท ราคาปัจจุบันน่าสนใจ BEC เทรดอยู่ที่ 2564 PER 31.2x ต่ำกว่า peer กลุ่มมีเดีย (PER 44.9x) อีกทั้งยังมี short term catalyst จากแนวโน้มกำไร Q2/64 ที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 19 ไตรมาส นอกจากนี้ คาดว่าตลาดจะปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้นจาก SG&A expenses ที่มีโอกาสต่ำกว่าตลาดคาดมากถึง -32% นอกจากนี้ ช่อง 3-PPTV-ทรูฯ จับมือ NBT ออกอากาศสดบอลยูโร