นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับงานประมูลจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่ารวมกว่า 123 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนมูลค่างานในมือทั้งหมด (Backlog) ในไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 470 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งปีหลังนี้
"แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่เกิดขึ้นช่วงครึ่งปีแรกอาจจะกระทบขั้นตอนการส่งมอบงานโครงการจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าให้มีความล่าช้าไปบ้าง แต่บริษัทมีความมุ่งมั่นเร่งปรับกลยุทธ์สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการหาโอกาสเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อจากกลุ่มของลูกค้าภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง" นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
พร้อมทั้งเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่คาดว่าจะเปิดประมูลโครงการใหม่ช่วงที่เหลือของปีนี้มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อ (order) หม้อแปลงไฟฟ้าจากต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศออสเตรเลีย ยังคงทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการส่งออกดังกล่าวคิดเป็น 3 % ของรายได้รวม ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ตลอดทั้งปี64 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายแตะ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,037.24 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.56 ล้านบาท
บริษัทยังเร่งแผนการขยายตลาดในธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter มากขึ้น เนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่เป็นทั้งผู้ออกแบบ จัดซื้อจัดจ้างและติดตั้งในโครงการ (EPC) ตั้งแต่รายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ บริษัทคาดว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter ตลอดปี 64 จะเติบโตมากกว่าเท่าตัวจากปี 63 โดยมีเป้าหมายประมาณ 160-200 ล้านบาท ตามความต้องการของตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงในช่วงที่เหลือของปีนี้
บริษัทยังเพิ่มความหลากหลายของช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์เซลล์ ผ่าน E-Commerce แพลตฟอร์มออนไลน์ นำร่องขยายเข้ากลุ่มลูกค้าทั่วไป B2C ภายในไตรมาส 3/64 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเป็นวงกว้างมากขึ้น จากปัจจุบันจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าองค์กร B2B เท่านั้น
"กลยุทธ์สำคัญของบริษัทปีนี้ นอกเหนือจากแผนเพิ่มยอดขายและขยายกลุ่มลูกค้าในกลุ่มธุรกิจหลักแล้ว การควบคุมต้นทุนในทุกๆ มิติเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าประเทศไทยจะกลับมาเกิดวิกฤติโควิด-19 ระลอก 3 และการปรับตัวขึ้นราคาของวัตถุดิบหลักทั้งทองแดงและเหล็กทุกชนิด แต่บริษัทยังสามารถทำกำไรบนโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องการผูกติดกับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งจากแนวคิดแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพทำกำไรให้บริษัทระยะยาว" นายพูลพิพัฒน์ กล่าว