นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,580-1,630 จุด จากปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวกดดันดัชนีทั้งการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงิน Fund Flow เริ่มไหลออก และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ 1 ปี
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 9,284 ราย ผู้เชี่ยวชาญเตือนอาจระบาดรอบ 3 และผลการวิจัยครั้งใหม่จากประเทศอังกฤษพบว่าการติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เกิดความเสียหายของเนื้อเยื่อสมองในระยะยาว ส่วนธนาคารกลางอินเดียได้รายงานว่าการแพร่ระบาดรอบที่สองของโรคโควิด-19 อาจทำให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจของอินเดียได้รับความเสียหายสูงถึง 2.711 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2564 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับย่อตัวลงมากดดันตลาด
อีกทั้งยังคงต้องจับตาปัจจัยเหล่านี้ อาทิ การรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ของ สหรัฐ การเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางญ่ปุ่น (BOJ) การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2564 สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย อียูและสหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นเดือน มิ.ย. และ สหรัฐรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศอย่างเป็นทางการผ่อนคลายเปิดและขยายเวลากิจการ-กิจกรรม 8 ประเภทในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดห้องสมุด-สระว่ายน้ำ ส่วนร้านอาหารนั่งได้ถึง 23.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวคือหุ้นกลุ่มร้านอาหารและค้าปลีก ได้แก่ AU, M, ZEN และ CPALL
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าจากความผันผวนของราคาทองคำฝ่ายวิจัยประมาณกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,730-1,780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวกลับมาที่แนวรับ 1,750 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากราคาปรับตัวลงมากกว่า 5% ในสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำยังถูกกดดันจากการที่เฟดเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 66 ยังคงเป็นปัจจัยกดดันในระยะกลาง