ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) ระบุว่า ธนาคารกันสำรองในคราวเดียวในไตรมาส 3 เป็นจำนวน 5,652 ล้านบาท อันประกอบด้วย สำรองขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 1,192 ล้านบาท สำรองสำหรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีการโอนให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท ตั้งแต่ปี 2544 จำนวน 333 ล้านบาท และสำรองด้านสินเชื่อจำนวน 4,127 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิ 3,891ล้านบาท
ธนาคารได้ตั้งสำรองขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายที่ถือครองมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 924 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2550 จำนวน 1,132 ล้านบาท เพื่อให้รายการสินทรัพย์ของธนาคารแสดงมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับและเพื่อสะท้อนสภาพปัจจุบัน
สำหรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่โอนให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (เดิม บบส. เพชรบุรี) ตั้งแต่ปี 2544 การโอนสินทรัพย์และการชำระราคาโดยส่วนใหญ่ได้จบลงแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่อยู่ระหว่างรอการหาข้อยุติในเรื่องการพิสูจน์สิทธิเรียกร้องหรือคุณสมบัติของสินทรัพย์ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาโอนสินทรัพย์หรือไม่ แม้ว่าการโอนสินทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการของสัญญาฯ แต่เนื่องจากการหาข้อยุติในส่วนที่เหลือยังไม่สิ้นสุดและใช้เวลามาพอสมควรแล้ว ธนาคารจึงได้กันสำรองสำหรับรายการดังกล่าวทั้งจำนวน 333 ล้านบาท
จากการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และการจัดชั้นสินเชื่อเชิงคุณภาพที่ธนาคารได้ดำเนินการเพิ่มเติม มีผลทำให้ธนาคารจัดชั้นหนี้ NPL ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 8,760 ล้านบาท โดยจำนวน 8,537 ล้านบาท เป็น NPL เชิงคุณภาพซึ่งลูกหนี้ยังสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ และผลจาก NPL ที่เพิ่มดังกล่าวทำให้ธนาคารต้องกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มทั้งสิ้น 3,260 ล้านบาท
นอกจากนั้นเพื่อความระมัดระวังรอบคอบ ธนาคารยังได้กันสำรองเพิ่มเติมเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอีกจำนวน 558 ล้านบาท รวมทั้งได้กันค่าเผื่อขาดทุนการปรับมูลค่าจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 206 ล้านบาท และสำรองภาระผูกพันนอกงบดุลอีกจำนวน 103 ล้านบาท
ฐานะการเงิน ณ สิ้นกันยายน 2550 ธนาคารมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 422,498 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อ 243,475 ล้านบาท NPL 20,881 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.06 ของเงินให้สินเชื่อ (รวมรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน) จากนโยบายการตั้งสำรองฯ แบบเบ็ดเสร็จคราวเดียวในครั้งนี้ ทำให้ธนาคารมีสำรองเงินให้สินเชื่อรวมทั้งสิ้น 15,877 ล้านบาท
สำรองสินเชื่อต่อหนี้ NPL (Loan Loss Coverage Ratio) เท่ากับร้อยละ 76 ด้านเงินฝากมีทั้งสิ้น 364,909 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 33,584 ล้านบาท และกำไรสะสม 8,708 ล้านบาท โดยมีมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 15.89 บาทต่อหุ้น มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (งบเฉพาะธนาคาร) ก่อนหักผลขาดทุนของงวด 9 เดือนปี 2550 เท่ากับร้อยละ 14.25 เป็นเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งเท่ากับร้อยละ13.17 และหลังหักผลขาดทุนเท่ากับร้อยละ 12.88 เป็นเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งเท่ากับร้อยละ 11.80 สูงกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.25
ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 3,225 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาส 2 ปี 2550
ขณะที่มีรายได้ค่าธรรมเนียม 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 2 จากไตรมาส 2 ปี 2550 มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองฯและภาษี จำนวน 1,771 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--