นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้างานภูมิภาค ปฎิบัติการและธุรกิจ บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการซื้อเรือมือสองและเรือใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการใช้เรือขนส่งตู้สินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นไปตามเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ ทำให้ต้องมีการสต็อกสินค้าจำนวนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการซื้อเรือดังกล่าวยังต้องดูจังหวะและราคาเรือก่อน เนื่องจากราคาเรือมือสองในขณะนี้ค่อนข้างสูง และราคาเรือใหม่ก็แพงกว่าการในอดีตถึง 20% อีกทั้งยังต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน
ปัจจุบันบริษัทมีการซื้อเรือมือสองเข้ามาแล้วจำนวน 6 ลำ คาดว่าจะได้รับเรือเข้ามาในไตรมาส 4/64 ซึ่งเรือกลุ่มนี้จะสามารถรองรับการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยจะนำมาทดแทนการเช่าเรือในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ต้นทุนการให้บริการของบริษัทถูกลงกว่าการเช่าเรือ
ขณะที่ในช่วง 1-2 ปีนี้ ทาง RCL ยังไม่มีแผนที่จะขายเรือออกไป ซึ่งปัจจุบันมีกองเรือให้บริการรวมทั้งสิ้น 14 ลำ เนื่องจากการใช้เรือเพื่อขนส่งตู้สินค้าของบริษัทในปัจจุบันยังสามารถสร้างกำไรได้ดีกว่าการขายออก หลังจากค่าขนส่งอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีปัจจัยมาจากเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ Ever Giver เกยขวางคลองสุเอซในประเทศอียิปต์, เรือค้างท่าในประเทศจีน, เรือสินค้าชนเครนที่ประเทศไต้หวัน และเรือสินค้าไฟไหม้จมทะเลที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเรือในอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเล เห็นได้จากตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เรือใหญ่ตั้งแต่ 4,000 TEU ขึ้นไป ไม่มีว่าง และอัตราค่าระวางค่อนข้างแพง โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.64 ค่าเช่าเรือเพิ่มขึ้น 70-120% และเรือบางขนาดปรับขึ้นถึง 200%
นอกจากนี้ทาง Maersk Broker หรือตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า ได้ประเมินไว้ว่าในช่วงปี 65-68 อัตราค่าเช่าเรือทุกขนาดจะสูงกว่าปี 64 และน่าจะยืนอยู่ในระดับสูงในปี 68 โดยเรือขนาด 4,000 TEU จะไม่มีเรือเหลือให้เช่าเลย ส่วนเรือขนาด 3,000-6,999 TEU มีอัตราการใช้ประโยชน์มากกว่า 98% และเรือขนาด 700-2,999 TEU มีอัตราการใช้ประโยชน์ในช่วงแรกตกลงเล็กน้อย และความต้องการจะกลับมาสูงขึ้นในช่วงปีหลังๆ