เครือสหพัฒน์เปิดกว้างพันธมิตรตปท.ร่วมทุนทุกธุรกิจหวังต่อยอดได้เร็วขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 10, 2007 16:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          เครือสหพัฒน์มุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่องด้วยการเปิดทางพันธมิตรต่างประเทศร่วมทุนทุกธุรกิจในเครือ จากเดิมที่เน้นแค่ธุรกิจหลัก โดยพร้อมลดสัดส่วนถือครองหุ้นของบริษัทแม่ หวังต่อยอดธุรกิจทั้งในแนวราบและแนวดิ่งได้รวดเร็วขึ้น   
ขณะเดียวกันกลุ่มสหพัฒน์ยังยึดสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นธุรกิจหลัก โดยเน้นความสำคัญของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขาย ที่ในปีนี้ยังมีรายได้สูงกว่าปีก่อน 1.4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะเสื้อผ้าและอาหาร ส่วนปีหน้าเตรียมรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ และโรงไฟฟ้าขนาดย่อม
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง(SPI) ให้สัมภาษณ์กับ “อินโฟเควสท์"ว่า เครือสหพัฒน์อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศในทุกธุรกิจ และกระจายการถือหุ้นให้กับบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นๆ
รูปแบบการลงทุนแบ่งเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ การถือหุ้นร่วมกันฝ่ายละ 50% และมีส่วนในการบริหาร หรือ เข้าถือหุ้น 20-25 % และไม่มีส่วนในการบริหาร แต่จะเข้ามาให้คำแนะนำในการลงทุน
"บริษัทสนใจลงทุนในทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เราหวังต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท ทั้งธุรกิจสิ่งทอ โดยเป็นแบรนด์เนมจากต่างประเทศ อย่าง ลาคอส แอร์โรว์ เซนต์แอนดรู" นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ SPI ในฐานะบริษัทแม่ จะเปิดทางให้บริษัทในเครือที่มีความถนัดแต่ละธุรกิจเข้ามาร่วมทุนกับต่างประเทศมากขึ้น โดยบริษัทแม่ก็จะมีสัดส่วนถือหุ้นน้อยลง เพื่อให้บริษัทลูกได้ขยายตัวได้เร็ว ทำให้บริษัทในเครือสหพัฒน์เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
*ปี 51 รุกขยายธุรกิจด้านอสังหาฯ-บันเทิง-สุขภาพ-โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก
นายสันติ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทคาดว่าจะรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุดได้ร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น คือ สยามโซเคอิ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนถือหุ้นฝ่ายละ 50%
ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์แรกที่จะดำเนินการ คาดว่าจะเปิดโครงการคอนโดมีเนียมที่ ศรีราชา จ.ชลบุรี ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 51 มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท เป็นคอนโดขนาดเล็ก รวมทั้งยังมีสนามกอล์ฟ ที่จ.ปราจีนบุรีโดยจะเปิดอีก 1 แห่งในปีนี้ จากเดิมมีสนามกอฟล์ที่ศรีราชา 1 แห่ง รวมทั้งยังมีแผนลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
นอกจากนี้บริษัทยังจะขยายธุรกิจบันเทิง จากที่ได้ร่วมทุนทำคาราโอเกะ และโบว์ลิ่ง ภายใต้แบรนด์ "บิ๊ก เอคโค่"
สำหรับการลงทุนที่สำคัญในปี 51 อีกโครงการ คือ โรงไฟฟ้าขนาดย่อม (SPP) ที่จะให้ บมจ.สหโคเจน(ชลบุรี) หรือ SCG เป็นผู้ดำเนินการ โครงการนี้จะก่อสร้างที่สวนอุตสาหกรรมสหพัฒน์ ที่จังหวัดลำพูน กำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 80 เมกกะวัตต์ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/เมกกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาแผนลงทุนและการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นการเติบโตจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยยังเน้นธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ BSC และสินค้าอื่นๆที่จะออกสู่ตลาดในเร็วๆนี้
นายสันติ กล่าวว่า รายได้ในปี 50 จะกลับเป็นบวก จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 5% ซึ่งเติบโตต่ำสุดในรอบ 60 ปี ของเครือสหพัฒน์ที่จัดตั้งขึ้น โดยปีก่อนที่มีรายได้ 1.4 แสนล้านบาท แต่หลังจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในไตรมาส 4 เชื่อว่ากำลังซื้อจะพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากเป็นเทศกาลที่มีการใช้จ่ายสูงทำให้ประมาณการรายได้ปีนี้
*โชว์ศักยภาพบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นได้มาก
นายสันติ กล่าวว่า บริษัทในเครือสหพัฒน์มีอยู่กว่า 200 บริษัท และมีประมาณ 18 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมองว่ายังมีอีกหลายบริษัทในเครือที่มีความสามารถและความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเฉพาะบริษัทที่ร่วมทุนกันระหว่างสหพัฒน์กับบริษัทต่างประเทศที่มีศักยภาพไม่ต่ำกว่า 4-5 บริษัท ซึ่งมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง
“บริษัท joint venture หลายบริษัทที่มีศักยภาพมีงบการเงินที่แข็งแรง และที่ผ่านมามีบริษัท joint venture ที่ประสบความสำเร็จอย่างไทยวาโก้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ก็พยายามผลักดันให้บริษัทต่างๆเข้าจดทะเบียน"นายสันติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลและชี้แจงรายละเอียดมาก ซึ่งบางครั้งกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ขณะที่บริษัทในเครือส่วนใหญ่ยังมีกระแสเงินสดเพียงพอในการลงทุนและบริษัท
อนึ่ง กลุ่มตระกูลโชควัฒนาเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของในเครือสหพัฒน์ โดยบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง(SPI), บมจ.สหพัฒนพิบูล (SPC), บมจ.เอสแอนด์เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ (S&J), บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC), บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) (SCG), บมจ. ประชาอาภรณ์ PG), บมจ.ธนูลักษณ์ (TNL), บมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB), บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์(TF), บมจ.ไทยวาโก้ (WACOAL) เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ