นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการ บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) กล่าวว่า บริษัทคาดว่างานในมือ(Backlog)นับจากช่วงนี้เป็นต้นไปจะเพิ่มเข้ามามากจากที่มีอยู่ 1 แสนล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานก่อสร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศมีมูลค่างานที่เข้าประมูลสูงมากกว่า 3 แสนล้านบาท ที่จะทยอยประกาศผลจนถึงปี 51
ล่าสุดในวันพรุ่งนี้จะมีการเจรจางานก่อสร้างสนามบินมุมไบในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะได้รับงานมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยหากมีข้อสรุปแล้วก็คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังรอผลประมูลงานก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนในเมืองไฮเดอราบัด ของอินเดีย มูลค่างาน 1 แสนล้านบาท, โครงการเขื่อนน้ำเงี๊ยบ และเขื่อนแห่งอื่น ๆ ในลาว และ โครงการท่าเรือในเวียดนาม
สำหรับงานในประเทศ บริษัทก็เข้าร่วมประมูลในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าทุกสาย และ รถไฟทางคู่ รวมถึงมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่บางปะกง 700 เมกะวัตต์ที่จะยื่นประมูล IPP ในสัปดาห์หน้า และยังมีแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าที่เกาะกงของกัมพูชาขนาด 1,800 เมกะวัตต์
บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยในลักษณะเดียวกับบ้านเอื้ออาทรทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากที่โครงการที่เข้าร่วมกับการเคหะแห่งชาติ(กคช.)ถูกยกเลิกไปราว 4 หมื่นยูนิต โดยคาดว่าจะลงทุนในอินเดียเพื่อสร้างบ้านลักษณะนี้ขายปีละ 1 แสนยูนิต ซึ่งน่าจะได้ราคาดีกว่าที่ขายในไทยหลังละ 5 แสนบาท/ยูนิต ส่วนในประเทศจะเน้นการพัฒนาในพื้นที่ปริมณฑลและพัทยา ปีละ 2-3 หมื่นยูนิต
นายเปรมชัย กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจประเภท Resources ไปกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งแต่ละโครงการมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 50% โดยโครงการที่เข้าลงทุน ได้แก่ โครงการเหมืองถ่านหิน 2-3 แห่งในอินโดนีเซีย กำลังผลิตราว 15 ล้านตัน/ปี เริ่มผลิตในปีหน้า และยังมีแผนสำรวจแหล่งถ่านหินเพิ่มเติม ซึ่งจะนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าและจำหน่ายทั่วไปในตลาด เพราะขณะนี้ถ่านหินคุณภาพสูงขายได้ราคาค่อนข้างดี
โครงการผลิตอลูมิเนียมในลาว ที่จะใช้เวลาก่อสร้างโรงงานราว 2 ปี กำลังผลิตราว 5 แสนตัน/ปี และยังมีโครงการเหล็กในลาวและอินโดนีเซีย รวมถึง ธุรกิจทองแดง และทองคำ
นายเปรมชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนในธุรกิจ Resources เต็มที่ในปี 53 โดยจะมีสัดส่วนรายได้ราว 90% ของรายได้รวม ขณะที่งานด้านก่อสร้างจะมีสัดส่วนรายได้ปรับลดลงเหลือเพียง 10% จากปัจจุบันที่มี 90%
"เหตุผลที่เราไปลงทุน Resources เพราะมีมาร์จิ้นดีมาก แต่งานก่อสร้างก็ยังเติบโตต่อไปได้อีกมากเหมือนกัน"นายเปรมชัย กล่าว
นายเปรมชัย กล่าวถึงผลประกอบการในปี 50 ว่า น่าจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีมาร์จิ้นเฉลี่ยที่ 6-7% ใกล้เคียงปีก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--