บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC)คาดหวังปีหน้าจะรายได้และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง เข้าเจรจาซื้อกิจการของธุรกิจเกี่ยวกับด้านอาหาร 2-3 รายเพื่อขยายรายได้ในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค(consumer) และล่าสุดที่ได้เข้าซื้อหุ้น 50% ในบริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียมที่มีแนวโน้มธุรกิจดี ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตมากขึ้น
คาดรายได้ปี 50 อยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และ คาดกำไรสุทธิปี 50 จะสูงกว่าปีก่อนที่มี 867.54 ล้านบาท เป็นผลการเติบโตของยอดขายสินค้าทุกกลุ่มที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยคาดจะมีมาร์จิ้นเฉลี่ย 6% ใกล้เคียงปีก่อน
*ปีหน้ารับผลดีจากการขยายธุรกิจในกลุ่มอุปโภคบริโภค-บรรจุภัณฑ์
แหล่งข่าว BJC กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาเข้าซื้อหรือลงทุนบริษัทอื่นเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจในกลุ่มอุปโภคบริโภค ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 แห่งที่เป็นกิจการเกี่ยวกับอาหาร ประเภท SNACK เพราะต้องการขยายงานในด้านการเป็นผู้ผลิตและทำการตลาดเอง จากที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่จะได้รับประโยชน์เพียงส่วนต่างกำไรหรือมาร์จิ้นเท่านั้น
ปัจจุบันบริษัทได้ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "เทสโก้", "โดะโซะ", "ปาร์ตี้", กระดาษชำระ"เซลล็อกซ์" จากเดิมที่เคยเป็นเพียงตัวแทนจำหน่าย
ขณะที่ปีนี้ บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียม ที่จะเข้ามาเสริมกลุ่มบรรจุภัณฑ์ให้มีผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากขึ้น ทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ทั้งจากขวดแก้ว พลาสติก และกระป๋อง ยกเว้นกล่องกระดาษ
ทั้งนี้ กระป๋องอลูมิเนียมระยะหลังจะเข้ามาทดแทนขวดแก้ว ก็จะทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑฺทั้งสองอย่างรองรับความต้องการได้เพิ่มขึ้น
บริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน มีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยที่ผ่านมามีรายได้ในระดับ 2 พันล้านบาทและมีกำไรกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เมื่อ BJC เข้าไปถือหุ้น 50% จะสามารถขยายการดำเนินงานได้มากกว่านี้ และจะทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์เข้ามาเพิ่มทั้งกำไรและรายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า
"เราเข้าไปถือ 50% จะเข้าเพิ่มกำไรและรายได้ให้กับ BJC ซึ่งคาดว่าจะมีผลตั้งแต่ปีหน้า ซึ่งจะช่วยผลกำไรและรายได้ของบริษัทไนปีหน้า" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้เงินลงทุนในบริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน จำนวน 1.07 พันล้นบาทนั้นบริษัทจะนำเงินจากการขายหุ้นกู้ โดยบริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้ 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี เสนอขายนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยในช่วงเดือน พ.ย.50
ขณะเดียวกันคาดหวังการแตกพาร์จาก 10 บาทมาที่ 1 บาทจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้นในตลาด
ราคาหุ้น BJC เคลื่อนไหวอยู่ที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท (+5.88%) โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 57 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือน
*คาดกำไรสุทธิและรายได้ปี 50 สูงกว่าปีก่อน
แหล่งข่าว BJC คาดรายได้ปี 50 อยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และ คาดกำไรสุทธิปี 50 จะสูงกว่าปีก่อนที่มี 867.54 ล้านบาท เป็นผลการเติบโตของยอดขายสินค้าทุกกลุ่มที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยคาดจะมีมาร์จิ้นเฉลี่ย 6% ใกล้เคียงปีก่อน
"ปีนี้ผลประกอบการของเราดีขึ้น ทุกกลุ่มมีลูกค้าแน่นอน และสินค้าก็ยังจำเป็นต้องใช้ เช่น เครื่องมือแพทย์ ทำให้เราแทบไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ" แหล่งข่าวจาก BJC กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มอุปโภคบริโภคมีสัดส่วน 39% ของรายได้รวม รองลงมาเป็น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ 34% กลุ่มสินค้าด้านเทคนิคและอุตสาหกรรม 25% และที่เหลือ อื่นๆ เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นต้น
สำหรับกลุ่มสินค้าเทคนิคและอุตสาหกรรมได้แก่ เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เครื่องเขียน อุปกรณ์เกี่ยวกับกราฟฟิกการพิมพ์ สารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรม เสาไฟฟ้าแรงสูง เสาเกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตรา 3 บาทต่อหุ้น จากนโยบายจ่ายเงินปันผล 50% โดยคิดเป็นอัตราผลตอบปทนจากเงินปันผลราว 6% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ดี
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--