นายเอกรัตน์ แจ้งอยู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เธียรสุรัตน์ (TSR) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะปรับเป้ารายได้หลังสิ้นสุดไตรมาส 3/64 จากเดิมคาดโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,942.88 ล้านบาท โดยจะจับตามองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการกระจายวัคซีน หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายจะทำให้ร้านค้าและผู้ประกอบการเริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงสามารถไปออกงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
ด้านบริษัทย่อย คือ บริษัท เธียรสุรัตน์ ลีสซิ่ง จำกัด (TSRL) จากเดิมที่ให้บริการปล่อยสินเชื่อในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ปัจจุบันเริ่มขยายไลน์ปล่อยสินเชื่อไปยังสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น เครื่องทำน้ำแข็ง รถยนต์ และรถบรรทุก โดยในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา สัดส่วนสินเชื่อ Non-Electric Appliances คิดเป็นสัดส่วน 3% หรือคิดเป็น 25 ล้านบาท ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องได้อีกในอนาคต
ขณะที่ TSRL ตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ไม่เกิน 5% ซึ่งในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 4.7% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.75%
บริษัทยังได้ใช้โมเดลธุรกิจผ่อนสบายโมบาย (Ponsabuy Mobile) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "อยู่สบาย จ่ายสบาย กับผ่อนสบาย" ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 สาขา ประกอบด้วย นนทบุรี, สามพราน (นครปฐม), อยุธยา, ปทุมธานี, สุพรรณบุรี, ราชบุรี และชลบุรี โดยตั้งเป้าเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (Home Appliances) 30% เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Appliances) 70% เช่น ตู้แช่แข็ง เครื่องทำน้ำแข็ง เป็นต้น
นายเอกรัตน์ กล่าวว่า การขายสินค้าของ TSR ยังคงเน้นกลยุทธ์เดิม คือ ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม B2B มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการกลุ่มร้านอาหาร กลุ่มร้านชา/กาแฟ กลุ่มสำนักงาน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยจะมีการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเครื่องทำน้ำแข็ง หรือ ตู้กดน้ำร้อน/น้ำเย็น โดยจากการเน้นกลยุทธ์ B2B ไปในช่วงครึ่งปีแรกพบว่ามีการตอบรับที่ดีและจะเป็นเทรนด์ที่เติบโตในอนาคต
ประกอบกับจะมีการออกโปรโมชั่นรับกระแสโควิด-19 เร็วๆนี้ โดยร่วมมือกับทิพย์ประกันภัยออกโปรโมชั่นซื้อสินค้าแถมประกันโควิดและประกันการแพ้วัคซีนต้านโควิด ด้านตลาดออนไลน์ในช่วงครึ่งปีหลังได้มีการวางแผนจัดกิจกรรมใน Lazada และ Shopee มากขึ้นอีกด้วย
สำหรับธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็งยี่ห้อ Alpine ปัจจุบันมี Backlog มากกว่า 20 ล้านบาท แต่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการส่งมอบให้กับร้านค้าต่าง ๆ ได้ โดยคาดว่าในช่วงหลังการกระจายวัคซีนธุรกิจดังกล่าวจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน และในไตรมาส 3/64 จะมีการเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นสาขาแรกสำหรับการทำ New branding โดยจะให้บริการอย่างครบวงจรทั้งสินค้าสำหรับผู้บริโภคและผู้ประกอบการอีกด้วย