นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บมจ. ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่าปีนี้จะสามารถกลับมาทำกำไรได้ หากในช่วงไตรมาส 4/64 มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากดีมานด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยากจะกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยนั้นมีสูงมาก โดยเฉพาะเทศกาล Full moon Party ที่เกาะพะงัน
อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามแผนการกระจายวัคซีนอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะเดียวกันยังคงเน้นตลาดท่องเที่ยวของคนไทยไปด้วย มีการร่วมมือกับโรงแรมในเกาะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เกาะสมุย เกาะพะงัน หรือเกาะเต่า เพื่อสร้างโปรโมชั่นดึงดูดนักท่องเที่ยว และเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับเข้ามา ทางบริษัทได้ดำเนินการสร้างท่าเทียบเรือที่ 4 และ 5 ในอำเภอดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งกำลังจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีนี้ จะทำให้จากเดิมที่มี Capacity รองรับนักท่องเที่ยวได้วันละ 6,000 คน/วัน จะเพิ่มเป็น 12,000-15,000 คน/วัน
ปัจจุบันบริษัทมุ่งหน้าสู่การเป็น Island Gate Way โดยมีการจับมือกับพันธมิตรด้าน Logistic คือ Kerry express, Tp Logistics และ Nim Express รวมไปถึงร่วมมือกับสายการบินและรถโดยสารอีกหลากหลายแห่ง ไมว่าจะเป็นสายการบิน MAI , AIR KBZ, AirAsia, Thai lion air, ATP30, Phantip และ เกาะเต่าวินด์ นอกจากนี้ยังวางแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้า บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ที่อำเภอดอนสัก เพื่อการให้บริการอย่างครบวงจรทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารอีกด้วย
โดยบริษัทมีคลังสินค้าบนเกาะใหญ่อยู่แล้ว จึงเห็นเป็นโอกาสในการลำเลียงสินค้าไปยังเกาะย่อยที่เหลือ รวมไปถึงการส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยจะเป็นสินค้าประเภทหัตถกรรม สินค้าอาหารทะเล สินค้าภาคการเกษตร โดยเฉพาะเกาะสมุยซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนอันดับหนึ่งในสุราษฎร์ธานี มียอดส่งออกในปีที่ผ่านมาเกือบ 2 พันล้านบาท
สำหรับโครงการท่าเทียบเรือเกาะพะลวย ปัจจุบันทางบริษัทได้รับใบอนุญาตแล้ว อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทางบริษัทเล็งเห็นว่าเกาะพะลวยมีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงทางบริษัทได้มีการลงบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การใช้บริการท่าเทียบเรือเกาะเต่า กับทางบริษัทเกาะเต่าวินด์ในเดือนที่ผ่านมา เพื่อขยายเส้นทางการเดินเรือให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น