นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิการไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเทียบกับเงินบาทที่อ่อนค่าเร็วในรอบนี้ ทำให้คาดว่า Fund Flow จากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ คงจะชะลอการลงทุน หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดประมาณการ GDP ลง และปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวลงด้วย ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดคงจะแกว่ง Sideway Down จากที่ต่างชาติยังขายอยู่ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) และกลุ่มเดินเรือไปก่อน แต่หุ้นในกลุ่มส่งออกน่าสนใจลงทุน อย่างหุ้น ASIAN, TU, CBG และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ให้ติดตามตัวเลขส่งออกของไทยวันนี้ และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ รวมถึงติดตามความคิดเห็นของประธานธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) สาขาต่างๆ ด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวในแดนลบราว -0.3% ถึง -0.5%
พร้อมให้แนวรับ 1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,874.24 จุด ลดลง 71.34 จุด (-0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,241.84 จุด ลดลง 4.60 จุด (-0.11%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,271.73 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด (+ 0.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.36 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 63.07 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 48.39 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มิ.ย.) 1,592.08 จุด ลดลง 7.15 จุด (-0.45%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 214.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 มิ.ย.) ปิด 73.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.87 แนวโน้มอ่อนค่า มีโอกาสทดสอบ 32.00 จับตาตัวเลขส่งออก-การเมืองไทย
- กนง.มติเอกฉันท์ตรึงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% พร้อม หั่นประมาณการเศรษฐกิจไทยเหลือ 1.8% หวั่นโควิดระบาดลากยาว ไวรัสกลายพันธุ์ กระจายวัคซีนล่าช้า ฉุดจีดีพีไทย "ติดหล่ม" ท่องเที่ยวทรุด การจ้างงานไร้สัญญาณฟื้นตัว ด้านวิจัยกรุงศรีฯ คาดแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ยยาวถึงสิ้นปี 65
- นายกฯ เปิดทำเนียบถกเอกชนอุ้มธุรกิจขนาดกลาง-ย่อม "สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย" ชงตั้งกองทุนพยุงหนี้ป้องกันเอ็นพีแอลพุ่ง หลังข้อมูลเสี่ยงหนี้เสียพุ่งจาก 1.7 แสนล้านเป็น 4.4 แสนล้านบาท หอการค้า-ส.อ.ท.หนุนเปิดประเทศใน 120 วัน "สนั่น" เสนอเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเปิดประเทศ สร้างบรรยากาศฟื้นประเทศ แนะลดเพดานเครดิตบูโรให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น
- รัฐสภาถกแก้ไข รธน.13 ร่าง แกนนำแต่ละพรรคร่ายเหตุผล และ หลักการของตนเอง "ไพบูลย์" ดันใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ถอยแก้ ม.144 และ ม.185 ยึดหลักเดิม ฝ่ายค้านมุ่งแก้ปมสิทธิ-เสรีภาพ ปชช. และพรรคการเมือง "ภท.-ปชป." ย้ำตัดอำนาจ ส.ว. ร่วมโหวตนายกฯ "พรรคเล็ก" โวยบัตร 2 ใบ "โรม" ซัดพปชร. หวังกินรวบ ประเทศ "คำนูณ" สับแก้ รธน.ตัดสิทธิ "ไพร มารีฯ-ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์-ความเท่าเทียมชายหญิง" ของ ปชช.
- ม็อบ "ไทยไม่ทน-ประชาชนคนไทย" และกลุ่มแนวร่วม นัดมวลชนเคลื่อนปักหลักชุมนุมทำเนียบฯ "ทนายนกเขา" ประกาศยืดเยื้อ พร้อมค้างคืน "จตุพร" ลั่นจุดยืนไล่เฉพาะ "ประยุทธ์" ปกป้อง สถาบันฯ ด้านแนวร่วม "ม็อบราษฎร" นัดรวมตัวตี 5-5 โมงเย็นเดินขบวนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รัฐสภา-แยกปทุมวัน "ตำรวจ" ตรึง 17 กองร้อย รับม็อบดาวกระจาย "ผบ.ตร." ฮึ่มเช็กบิลทุกราย หากพบทำผิดกฎหมาย "ดีอีเอส" จ่อฟันปลุกม็อบผ่านโซเชียล
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม กล่าวปาฐกถาพิเศษ "Empowering Thailand 2021 เคลื่อนอนาคตไทยด้วยการลงทุน" ถึงแผนการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลว่า กระทรวงคมนาคม ยังคงเร่งแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2564 ได้รับงบลงทุน 1.8 แสนล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 50% ส่วนงบลงทุน ปี 2565 ลดลง 7 หมื่นล้านบาท เหลือราว 1,1 แสนล้านบาท แต่ไม่ต้องกังวล เพราะจะใช้แหล่งเงินทุนทั้งจากการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (PPP) การระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (TFF) และแหล่งเงินกู้จาก สำนักบริหารหนี้ มาเติมเต็มงบที่ลดลง
- JMT (เคทีบีเอส) เป้าเชิงกลยุทธ์ 46 บาท ลุ้นการซื้อหนี้ก้อนใหญ่จากสถาบันการเงินเพื่อบริหารต่อ, คาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นหลังทยอยตัดต้นทุนหนี้หมด ตั้งงบลงทุน 1 หมื่น ลบ.เพิ่มจากเดิมที่ 6 พันลบ. เตรียมซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน ด้านเป้ารายได้ปี 2564 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเติบโต +30%YoY , Bloomberg Consensus ประเมินกำไรปี 2564-2565 ที่ 1.35 พัน ลบ. และ 1.8 พัน ลบ. +30%YoY, 33%YoY ตามลำดับ
- BDMS (ฟินันเซียไซรัส) "ซื้อ" เป้า 28 บาท คาดกลุ่มการแพทย์จะสามารถเคลื่อนไหวแข็งแรงกว่าตลาดฯจากแนวโน้มกำไร Q2/64 ที่คาดฟื้นตัวโดดเด่นและได้อานิสงส์จาก COVID-19 ระลอก 3 สวนทาง Domestic Play อื่นที่คาดกำไรยังอ่อนแอ แนวโน้ม H2/64คาดฟื้นตัวต่อเนื่องจากการทยอยเปิดเมืองและเปิดประเทศ และมี Catalyst จากการเริ่มฉีดซีน Moderna ปลาย Q3/64 เราคาดกำไรปี 2564-2565 +6% Y-Y และ +53% Y-Y ตามลำดับ