นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 2 รุ่น อายุ 1 ปี 6 เดือน ผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 4.40-4.60% ต่อปี และอายุ 2 ปี 6 เดือน ผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 5.20-5.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริส เรทติ้ง ที่ระดับ BBB-
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน 6 แห่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โดยคาดว่าจะเสนอขายในช่วงต้นเดือนส.ค.นี้
"ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ และได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้ลงทุนมั่นใจในการเติบโตและโอกาสในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดกับแนวรถไฟฟ้า ที่ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและยังมีโอกาสในการเติบโตสูง ทำให้เรามั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนกับที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่แสวงหาโอกาสจากการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งหุ้นกู้ฯ ทั้ง 2 รุ่นของบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี" นายเสริมศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน จึงได้เพิ่มช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้ฯ อนันดา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา สามารถจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด ผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ หรือการจองซื้อหุ้นกู้ผ่านทางโทรศัพท์บันทึกเสียงโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปจองซื้อหุ้นกู้ฯ ที่สาขา หรือหน่วยงานขายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายดังกล่าว
นายเสริมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายยอดโอนไว้ที่ 16,008 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 18,570 ล้านบาท และมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 5 แห่ง มูลค่าโครงการรวมกว่า 24,422 ล้านบาท บนทำเลที่มีศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ปัจจัยการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 จะเป็นความหวังให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว และส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่มีความต้องการซื้อสูง ซึ่งจะทำให้แนวโน้มต่างๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการซื้อเพิ่มมากขึ้น ด้วยการผนึกความร่วมมือกับ Bitkub เพื่อนำคริปโทเคอร์เรนซี่ มาใช้สำหรับการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ
"นอกจากความมุ่งมั่นที่จะทำให้ยอดขายและยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว เรายังคงเดินหน้ารักษาความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางการเงิน โดย ณ สิ้นไตรมาสแรก บริษัทฯ ยังคงรักษาเงินสดรวมโครงการร่วมทุนเกินกว่า 10,000 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และเรามีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายระยะยาวที่ 1:1 เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่สนใจจะลงทุนในหุ้นกู้ฯ ของบริษัทฯ" นายเสริมศักดิ์ กล่าว