นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อยอดขายเมทิลเอสเทอร์ให้ปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภาคพลังงานลดน้อยลง ขณะที่ยอดขายแฟตตี้แอลกอฮอล์ก็ปรับตัวลดลงเช่นกันจากการปิดซ่อมบำรุงหน่วยผลิต
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่หดตัว โดยคาดหวังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้มากขึ้นจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง ซึ่งจะส่งผลดีความต้องการใช้ B100 กลับมาดีขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์คาดจะได้รับผลดีจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานของผู้ประกอบการรายอื่น 1-2 แห่ง ทำให้ความต้องการสินค้าจาก GGC กลับเข้ามาเพิ่มขึ้นพอสมควร ด้านกลีเซอรีนก็ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็น่าจะช่วยหนุนยอดขายทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนได้
สำหรับความคืบหน้าโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhonsawan Biocomplex : NBC) ที่ GGC ร่วมกับกลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) เพื่อผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 6 แสนลิตร/วัน หรือ 186 ล้านลิตร/ปี ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปีนี้ และเริ่มผลิตเอทานอลได้ในช่วงต้นปี 65
ขณะที่การลงทุนเพิ่มเติม หรือ ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 โดยมีแผนดึงบริษัทในต่างประเทศเข้ามาลงทุนใน โครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์นั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัท NatureWorks ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิต PLA รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก โดยมีแผนลงทุนในโครงการ PLA ในไทย กำลังการผลิตขนาด 75,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเข้ามาลงทุนได้ภายในปี 65 จากปัจจุบันได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI ไปแล้ว โดยคาดว่า NatureWorks จะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ราว 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนของ NatureWorks ในแง่ของความเชื่อมั่นใจโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ โดยบริษัทจะให้การสนับนุนทุกด้านแก่ NatureWorks อีกทั้งภายหลังจากนี้ก็มองโอกาสในการลงทุนร่วมกันในโครงการอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่ได้เริ่มเจรจากัน