KBANK เปิดตัวบลท.ข้าวกล้า พร้อมตั้งกองทุนแรก 200 ลบ. ช่วย SME

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 8, 2007 11:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายบุญทักษ์ หวังเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุนข้าวกล้า จำกัด(บลท.ข้าวกล้า)โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เป็นผู้ถือหุ้น 100% ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย จะใช้เงินลงทุนจำนวน 200 ล้านบาท  ตั้งเป็นนิติบุคคลร่วมลงทุน เค-เอสเอ็มอี ร่วมทุน หรือ K-SME Venture Capital เพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอี ที่ยังขาดเงินทุนในการขยายธุรกิจ 
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บลท..ข้าวกล้า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าลงทุนในเอสเอ็มอีในปีแรกประมาณ 100-150 ล้านบาทโดยขณะนี้มีรายชื่อเอสเอ็มอีที่แสดงความสนใจให้กองทุนร่วมลงทุนเข้าไปถือหุ้นแล้วประมาณ 10 ราย
ปัจจุบันเอสเอ็มอีของไทยที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมีจำนวนมาก ซึ่งแต่ละบริษัทผลิตสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งมีการเติบโตของธุรกิจสูง จนขาดแคลนเงินทุนในการนำมาขยายกิจการ ซึ่ง บลท.ข้าวกล้า จะพิจารณาสนับสนุนเงินทุนแก่เอสเอ็มอี ในลักษณะการเข้าไปร่วมลงทุน ซึ่งจะช่วยให้เอสเอ็มอีมีเงินทุนขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับคุณสมบัติของเอสเอ็มอีที่ K-SME Venture Capital จะเข้าร่วมลงทุน ต้องมีมูลค่าสินทรัพย์ถาวร (ไม่รวมที่ดิน) ไม่เกิน 200 ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน 200 คน ดำเนินกิจการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี หากกรณีที่ดำเนินกิจการไม่ถึง 3 ปี ผู้บริหารหรือเจ้าของควรมีประสบการณ์ในธุรกิจนั้น ๆ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน มีการบริหารจัดการที่ดี โดยเน้นหลักธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ไม่ขัดต่อศีลธรรม หรือไม่ก่อปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ถือหุ้นใหญ่ เจ้าของ หรือผู้บริหาร ของบริษัท ไม่มีประวัติด่างพร้อย หรือเป็นบุคคลล้มละลาย และยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI)
บลท.ข้าวกล้า มีนโยบายการลงทุน (Investment Policy) ในเอสเอ็มอี สัดส่วนประมาณ 10-50% ของทุนจดทะเบียนหลังร่วมลงทุนแล้ว โดยจะลงทุนในลักษณะผู้ลงทุนทางการเงิน (Financial Investor) เท่านั้น ไม่เข้าไปก้าวก่ายการบริหารจัดการประจำวันของธุรกิจ นอกเหนือจากการใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง โดยเจ้าของกิจการต้องถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่านิติบุคคลร่วมลงทุน
ทั้งนี้มีระยะเวลาการร่วมลงทุนในแต่ละกิจการประมาณ 5 ปี และลงทุนในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งรวมกันไม่เกิน 33%ของทุนจดทะเบียนของนิติบุคคลร่วมลงทุน ทั้งนี้เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ