นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้หลังจากปรับตัวลงไป 8 วันติดต่อกัน และตลาดฯก็ตอบรับมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในบ้านเราไปแล้ว ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก มีเพียงบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, ร้านอาหาร เป็นต้น แต่ทั้งนี้ตลาดบ้านเราถือว่ายัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคเอเชีย และคาดหวังว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงได้ แต่วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังอยู่ในระดับสูงอยู่กว่า 4 พันราย
นอกจากนี้ ใกล้ปิดงบฯไตรมาส 2/64 แล้วก็คาดหวังการทำ Window Dressing มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง อีกทั้งกองทุนก็ซื้อสุทธิมา 2 วันแล้วทำให้เบาใจได้บ้าง แม้นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอยู่ จากเงินบาทที่อ่อนค่า และวันนี้เงินบาทก็อ่อนค่าลงทะลุ 32 บาท/ดอลลาร์ฯ อ่อนค่ามากสุดในรอบกว่า 1 ปี แต่ก็จะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
ด้านตลาดต่างประเทศต่างปรับฐานกัน ทั้งตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรป รวมถึงเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็ติดลบ จากความกังวลการฟื้นตัวเศรษฐกิจในเอเชียจะล่าช้า จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่ยังสูง และยังมีการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย และไทยก็กึ่งล็อกดาวน์ด้วย รวมถึงทางยุโรปก็แบนประชากรจากอังกฤษเข้ามาในยุโรป เนื่องจากกังวลโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่ระบาด อีกทั้งราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงด้วย จากเศรษฐกิจในเอเชียที่ฟื้นตัวช้า
ทั้งนี้ วันนี้คาดว่าตลาดฯได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มส่งออก และกลุ่มปิโตรเคมีที่น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ หลังสเปรดปิโตรเคมีได้เริ่มเป็นบวก พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,593 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,283.27 จุด ลดลง 150.57 จุด (-0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,290.61 จุด เพิ่มขึ้น 9.91 จุด (+0.23%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,500.51 จุด เพิ่มขึ้น 140.12 จุด (+ 0.98%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.69 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 120.58 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 23.59 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 มิ.ย.) 1,579.17 จุด ลดลง 3.50 จุด (-0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,216.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 มิ.ย.) ปิด 72.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.02/03 อ่อนค่ารอบ 13 เดือน กังวลสถานการณ์โควิดในปท.
- นายกฯ ทีมเศรษฐกิจ เคาะเยียวยา ผู้ประกอบการก่อสร้าง-ร้านอาหาร 6 จังหวัด วงเงิน 7.5 พันล้านบาท ชง ครม.วันนี้ อุ้มแรงงานในระบบ 6.9 แสนคน รวมต่างด้าว 9.3 หมื่นคน อุ้มค่าแรง 50% ไม่เกิน 7.5 พันบาท บวกเงินช่วยพิเศษ 2 พันบาท ให้นายจ้างไม่เกิน 6 แสนบาท พร้อมช่วยนอกระบบคนละ 2 พันบาท "สุพัฒนพงษ์" หวังคุมระบาดใน 1 เดือน ร้านอาหารสะดุดสายป่าน เล็งปิดชั่วคราว พนักงานหยุดไม่รับเงินเดือน จี้รัฐเจรจาพักชำระหนี้-ลดค่าเช่า ต่อลมหายใจ
- คปภ.เผยยอดเคลมประกันโควิด-19 ระลอก 3 พุ่งกว่า 1.5 พันล้าน ดันยอดเคลมแตะ 1.7 พันล้าน ส.ประกันวินาศภัย ชี้บริษัทประกันเริ่มส่อขาดทุน "กรุงเทพประกันภัย" หยุดขายประกันโควิด
- นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทและทุกยี่ห้อในไทยเดือน พ.ค.ปีนี้ ว่ามียอดขายรวมทั้งสิ้น 55,948 คัน เพิ่มขึ้น 38.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วยยอดขายจากรถยนต์นั่ง 15,569 คัน เพิ่มขึ้น 32.7% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 40,379 คัน เพิ่มขึ้น 40.6% สำหรับรถกระบะขนาด 1 ตันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 31,778 คัน เพิ่มขึ้น 37.3% ในส่วนยอดขายสะสม 5 เดือนแรกของตลาดรถยนต์รวมปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 308,217 คัน เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ค.64 อยู่ที่ระดับ 100.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.84 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และใน 5 เดือนแรกขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.97 ผลจากประเทศไทยมีแผนเชิงรุกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ประกอบกับมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนอย่างต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศขับเคลื่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CBG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 155.5 คาดกำไรสุทธิ Q2/64 ฟื้นตัวเด่นจากยอดขายในและต่างประเทศกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะ จีนและพม่า มี Upside จากการปรับสูตรลดน้ำตาลคาดหนุนกำไรเพิ่มได้อีก 300-320 ล้านบาท
- SCGP (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 60.8 บาท ประเมิน Sentiment บวกจากมาตรการภาครัฐฯล่าสุด (ไม่ให้ทานอาหารที่ร้าน) คาดจะทำให้ Demand Food delivery เพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งสินค้า E-commerce และคาดประมาณการใน Bloomberg consensus มี Upside จากดีล M&A ในอนาคต โดย Consensus คาดกำไรปี 2565 โต +17.3% YoY เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท (Forward PE 24 เท่า) พร้อมประเมินแนวรับ 57 บาท แนวต้าน 60.5 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 62.5 บาท (Stop loss 56 บาท)
- TU (เคจีไอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 21 บาท ธุรกิจ Frozen เริ่มดีขึ้นพร้อมกับธุรกิจอาหาร (Red Lobster) หลังการคลาย Lockdown, ช่วงปลายปีเตรียมนำ TFM เข้าตลาด พร้อมเตรียมเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Plant base ล่าสุดจับมือกับทาง วี ฟู้ดประเทศไทย โดยมองอุตสาหกรรมนี้อยู่ในช่วงเติบโตสูง โดนประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 6.5 พันลบ. และ 6.8 พันลบ. +4.4%YoY, +5.4%YoY ตามลำดับ