บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่ระดับ “A+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+" เช่นเดียวกันด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มธุรกิจหลักซึ่งมีตราสินค้าเป็นที่ยอมรับ ความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตจากการประหยัดจากขนาดในการผลิตขวดแก้วและกระดาษชำระ ตลอดจนความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร
นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้า อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และกฎหมายที่กระทบกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจส่งผลต่อยอดขายขวดแก้วของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาด รวมทั้งจากการมีนวัตกรรมของสินค้า และความสามารถในการรักษาลูกค้ารายสำคัญในธุรกิจขวดแก้ว คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดีเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตรากำไรใระยะปานกลางไว้และขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 100 ปี โดยในช่วงแรกให้บริการทางด้านธุรกิจค้าขาย ในช่วงปี 2544-2546 บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และ บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนภายใต้การบริหารงานของกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดีได้กลายมาเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ในปี 2549 บริษัทมียอดขาย 15,173 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปีตั้งแต่ปี 2545 รายได้หลักของบริษัทในปี 2549 มาจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยคิดเป็น 39% ของยอดขาย รวมถึงกลุ่มบรรจุภัณฑ์ 34% และผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิคและอุตสาหกรรม 23%
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า จุดแข็งประการหนึ่งของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์อยู่ที่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตขวดแก้วมาหลายสิบปี โดยบริษัทจัดอยู่ใน 2 อันดับแรกของผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด บริษัทมีฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์ขวดแก้วที่แข็งแกร่งโดยประมาณ 40% ของยอดขายขวดแก้วทั้งหมดของบริษัทขายให้แก่กลุ่มบริษัททีซีซี ส่วนที่เหลือขายให้แก่กลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่มบำรุงกำลัง และน้ำอัดลม ทั้งนี้ ลูกค้ารายสำคัญส่วนใหญ่ทำธุรกิจร่วมกับบริษัทมานานกว่า 10 ปี สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทยังมาจากการมีตราสินค้าที่มีชื่อเสียงในผลิตภัณฑ์กระดาษชำระและขนมขบเคี้ยวต่างๆ เช่น กระดาษชำระเซลล็อกซ์ และมันฝรั่งทอดกรอบเทสโต โดยที่บริษัทเป็นผู้ผลิตกระดาษชำระรายใหญ่อันดับต้นๆ ของไทย และเป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิคและอุตสาหกรรมนั้น บริษัทมีความได้เปรียบจากการมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าเป็นสำคัญ
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดในระดับที่คงที่มาโดยตลอด การขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วในผลิตภัณฑ์ขวดแก้วและกระดาษชำระในช่วงปี 2547-2548 ทำให้บริษัทมีภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ในระหว่าง 66%-73% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 11%-14% อัตราส่วนกำไรดังกล่าวถูกกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงและราคาที่เพิ่มสูงขึ้นของวัตถุดิบและน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 23%-27% แต่อัตราส่วนนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางเนื่องจากการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการซื้อกิจการผลิตกระป๋องอลูมิเนียม ในการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว ทริสเรทติ้งได้นำประเด็นการขยายธุรกิจโดยการซื้อกิจการผลิตกระป๋องอลูมิเนียมมาประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว และคาดว่าฐานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขี้นตามระยะเวลาเมื่อผลประโยชน์จากการควบรวม โดยเฉพาะในส่วนของรายได้และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มีความชัดเจน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--