นายสมโภชน์ วัลยะเสวี กรรมการบริหาร บมจ. เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังยังมีงานรอประมูลอีกหลายโครงการ มูลค่ารวม 10,795 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้า โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการระบบจำหน่ายและสถานีไฟฟ้าแรงสูง และโครงการจัดการระบบน้ำ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้งานอย่างน้อย 30% ของมูลค่าที่จะเข้าประมูล
รวมไปถึงยังมีงานรอเซ็นสัญญามูลค่ารวม 1,260 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3-4/64 โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) 4,901 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและก่อสร้าง (EPC) 1,449 ล้านบาท ซึ่งส่วนมากทยอยรับรู้ภายในปีนี้ และธุรกิจดำเนินการและบำรุงรักษา (O&M) 3,452 ล้านบาททยอยรับรู้ต่อเนื่องระยะยาว 20 ปี ซึ่งจะทำให้รายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาท เติบโต 40% ตามที่ตั้งเอาไว้ได้
สำหรับธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและก่อสร้าง (EPC) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 2,150 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) ที่มีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าในตลาดอุตสาหกรรม หลังได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายพลังงานสะอาดจากภาครัฐ และคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้จาก Solar Rooftop ที่ 200-300 ล้านบาท
ด้านธุรกิจระบบจำหน่ายและสถานีไฟฟ้าแรงสูง (Transmission and Distribution Substation) ในประเทศไทยมีกลุ่มลูกค้าคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับตลาดต่างประเทศมีการเปิดบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม ซึ่งในช่วงต้นปีได้รับออเดอร์เพิ่มเป็นโครงการไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งจะกำหนด COD ภายในเดือนต.ค.นี้
โดยธุรกิจโรงไฟฟ้า (Power Plant) ได้รับปัจจัยหนุนจาก พ.ร.บ.รักษาความสะอาดของรัฐ โดยให้ความสำคัญไปที่การนำขยะมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 8 เมกะวัตต์ จ.หนองคาย คาดว่าจะ COD ได้ภายในเดือน เม.ย.65
และธุรกิจการจัดการระบบน้ำ (Unit water Management) ปัจจุบันมีโครงการในพื้นที่ EEC คือการวางระบบท่อน้ำ โรงสูบน้ำ และโรงผลิตน้ำที่อู่ตะเภา และในอนาคตทางบริษัทจะขยายธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติมหลังดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับเหมาชั้น 1 (Vender) ของการประปานครหลวงเรียบร้อยแล้ว ด้านการประปาส่วนภูมิภาคยังอยู่ในช่วงดำเนินการ ส่งผลให้ในอนาคตบริษัทจะสามารถเข้าแข่งขันประมูลงานภาครัฐและสามารถเติบโตอย่างมั่นคงได้
นายสมโภชน์ กล่าวถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะว่า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 800 ล้านบาท แม้ในปัจจุบันกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์จะมีสัดส่วนมากที่สุด แต่ภายใน 1-2 ปีนี้จะเน้นไปที่กลุ่มเครื่องมือแพทย์และบิ๊กไบค์มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตโดดเด่นและมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง
สำหรับธุรกิจ EV ทางบริษัทมีความพร้อมในการเป็นผู้นำในการผลิตชิ้นส่วน EV ทั้งการผลิตระบบขับเคลื่อน ระบบเบรค และระบบแอร์ โดยคาดว่าจะเข้าลงทุนในช่วงเฟสที่สอง และเครื่องจักรที่ทางบริษัทมีอยู่แล้วสามารถผลิตชิ้นส่วน EV ได้เลย ทำให้ไม่ต้องลงทุนด้านเครื่องจักรเพิ่มเติม