บลจ.ฟินันซ่าเผยปี 51เน้นกองทุนส่วนบุคคลรับนโยบายส่งเสริมออกไปลงทุนตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 17, 2007 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายธีระ ภู่ตระกูล ประธานบริหาร บลจ.ฟินันซา กล่าวถึงแผนงานในปี 51 ว่า บริษัทจะเน้นงานบริหารกองทุนส่วนบุคคลที่ต้องการไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีมาตรการสนับสนุนด้วยการอนุญาตให้บุคคลธรรมดาออกไปลงทุนต่างประเทศได้โดยตรงในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 
"เรามองว่าปีหน้าการบริหารกองทุนส่วนบุคคลจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศ โดยผ่านการบริหารของมืออาชีพ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารอยู่มูลค่า 1 พันล้านบาท และมีนักลงทุน 10 ราย"นายธีระกล่าว
ส่วนปีหน้ามีแผนออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน มูลค่าโครงการ 50 ล้านบาท คือ กองทุน โกลบอล เรียลเอสเตท ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
นายธีระ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM)จะขยายตัว 5% จากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท
สำหรับกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารมีทั้งสิ้น 5 กองทุน เป็นกองทุนที่ออกไปลงทุนต่างประเทศ(เอฟไอเอฟ) 2 กอง ที่เหลือเป็นกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ และ กองทุนหุ้นระยะยาว
นายมนต์ชัย จาตุรันต์ภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการลงทุน บลจ.ฟินันซ่า กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากค่าพีอีที่อยู่ที่ 13.5 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ 19 เท่า และ 1 ปีที่ผ่ามาดัชนี SET ปรับขึ้น 38% แต่หากมอง 3 ปีย้อนหลังจะเห็นว่าขึ้นไปเพียง 33% ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียขึ้นไปถึง 155% ดังนั้นจึงยังมีส่วนต่างที่จะปรับขึ้นไปได้อีก
และในช่วงก่อนการเลือกตั้งเชื่อว่าดัชนี SET จะเป็นขาขึ้น เพราะจากสถิติที่มีการเลือกตั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าก่อนเลือกตั้ง 3 เดือน ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 8% และหลังเลือกตั้ง 3 เดือนดัชนีจะลดลง 7%
"การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นนักลงทุนจะรอดูผลหลังการเลือกตั้งสักระยะว่า ใครจะเป็นรัฐบาล หรือจะมีความวุ่นวายหรือไม่"นายมนต์ชัย กล่าว
แต่ที่จริงปัจจัยการเมืองเป็นประเด็นรองสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะปัจจัยหลักที่เป็นตัวกำหนดจริงคือ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตไม่เท่าเพื่อนบ้าน เพราะได้รับปัจจัยกดดันจากการเมือง หากปีหน้าผลประกอบการออกมาดี ซึ่งคาดว่าน่าจะขยายตัว 20% ก็น่าจะทำให้ตลาดหุ้นเดินหน้าไปได้ดีในระยะกลาง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ