นายอลัน แคน กรรมการผู้จัดการ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป เอฟไอเอฟ มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท ระหว่างวันที่ 9-19 ตุลาคม 2550 โดยซื้อขั้นต่ำ 50,000 บาท
กองทุนนี้เป็นกองทุน FIF ที่มีนโยบายลงทุนใน Manulife Emerging Eastern Europe Fund (Class A) ซึ่งจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2540 เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนและซื้อขายในภูมิภาคยุโรปตอนกลางและตะวันออก เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และสถาบันการเงิน ในตลาดหลักทรัพย์ของประทเศรัสเซีย โปแลนด์ ตุรกี ฮังการี และ สาธารณรัฐเชค ที่มีศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาว กองทุนนี้บริหารจัดการโดย Charlemagne Capital (UK) Limited โดยการนำกลยุทธ์ "โอเพ่น อาร์คิเทคเชอร์" มาใช้อีกครั้ง
"โอเพ่น อาร์คิเทคเชอร์" เป็นกลยุทธ์ที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในแถบอเมริกาและยุโรป โดยเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ผู้จัดการกองทุนจากบริษัทอื่น หรือที่เรียกว่า Third-Party Fund Manager ที่มีความชำนาญในการลงทุนเฉพาะด้านนั้นมาบริหารกองทุน ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่ากองทุนจะถูกบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างมีประสิทธิภาพและระมัดระวัง
นายอลัน กล่าวว่า กองทุน FIF ดังกล่าวคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ที่กองทุน Manulife Emerging Eastern Europe Fund ให้ตอบแทนเฉลี่ย 18.6%ต่อปี และ ย้อนหลัง 5 ปีมีผลตอบแทนเฉลี่ย 38.39%ต่อปี
*คาด NAV จะเพิ่มอีก 250 ลบ.จาก 4 กองทุนที่บริหาร
สำหรับบลจ.แมนูไลฟ์ฯ หลังเปิดตัวบริษัทเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการออกกองทุน 4 กองแล้ว แบ่งเป็น กองทุนในประเทศ 3 กอง และกองทุน FIF 1 กอง (ไม่รวม กองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป เอฟไอเอฟ) มีมูลค่าทรัพย์สินรวม(NAV) 4.2 พันล้านบาท และคาดว่า NAV ของกองทุนทั้ง 4 กองดังกล่าวจะขยายเพิ่มอีก 250 ล้านบาทภายในสิ้นปี 50
โดยมีสัดส่วนผู้ลงทุนที่ลงทุนกับกองทุนที่บลจ.แมนูไลฟ์บริหาร เป็นนักลงทุนสถาบัน 60% นักลงทุนรายย่อย 40%
"ถือว่าที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตอย่างสูงหลังเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ค. เนื่องจากบริษัทมีกองทุนที่มีความเหมาะสม และน่าสนใจ ซึ่งมีความแตกต่างจากกองทุนอื่นๆ"นายอลันกล่าว
ทั้งนี้บริษัทจะเลือกลงทุนเฉพาะตลาดหุ้นที่แตกต่างจากบลจ.อื่นๆ อาทิ การลงทุนในตลาดหุ้นจีน และล่าสุดเปิดกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปตะวันออก รัสเซีย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศของบริษัทเป็นการลงทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทั้งหมดและไม่มีการป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่เป็นมาตรฐานโลกและทั่วโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าในระยะ 1-2 ปี และเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวในช่วงสั้นจากปัญญหาซับไพร์ม
ด้านนายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน กล่าวว่า ทางบลจ.แมนูไลฟ์ ประเมินว่าหลังการเลือกตั้งตลาดหุ้นจะจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและในระยะยาวมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสูงถึง 1,700 จุดได้จากปัจจัยภายในประเทศ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--