นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้มีการเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 1.03 พันล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย 4.10 บาท/หุ้น ซึ่งจะเสนอขายให้กับพันธมิตร 3 ราย ได้แก่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) บมจ.วิริยะประกันภัย และนายมงคล ประกิตชัยวัฒนา และยังมีการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อีก 5.73 พันล้านหุ้น ที่ราคา 0.50 บาท/หุ้น จะทำให้บริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้เข้ามา 7.11 พันล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนและต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
โดยในส่วนของการลงทุนนั้นบริษัทจะมีการพัฒนาธุรกิจต่างๆที่อยู่ในปัจจุบันของกลุ่มบริษัท ทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจลงทุนในสินทรัพย์หรือธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 2.3 พันล้านบาท ในการลงทุนช่วงปี 64-68 ส่วนการขยายการลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครบวงจร ซึ่งจะใช้เงินในการพัฒนาระบบ การขอใบอนุญาต การดำรงสภาพคล่องเงินกองทุนตามเกณฑ์ จะใช้เงินราว 4 พันล้านบาท ในช่วง 64-68 เช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันเงินที่เหลือบางส่วนจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมอีก 170 ล้านบาท ภายในปี 64 และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งคาดว่ากระบวนการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/64 หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนแล้วในวันนี้ (วันที่ 1 ก.ค. 64) และหลังจากที่การเพิ่มทุนแล้วเสร็จพันธมิตรทั้ง 3 ราย จะมีสัดส่วนการถือหุ้นดังนี้ บมจ.แสนสิริ (SIRI) จะถือหุ้นในสัดส่วน 14.08% บมจ.วิริยะประกันภัย จะถือหุ้นในสัดส่วน 9.38% และนายมงคล ประกิตชัยวัฒนา จะถือหุ้นในสัดส่วน 12.67%
โดยที่การดำเนินงานของบริษัทหลังจากเพิ่มทุนนั้นจะพยายามผลักดันบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง โดยที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตการเป็นนายหน้าซื้อหายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และการเป็นตัวแทนการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) ซึ่งอยู่ระหว่างการรออนุมัติใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งยังคงเดินหน้าการการผลักดัน ICO ออกมา หลังจากที่บริษัทได้ยื่นไฟลิ่ง ICO ของสิริฮัป กับทางก.ล.ต.แล้ว ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลจะถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาผลักดันการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
"การลงทุนในโลกยุคใหม่ยังคงต้องใช้เวลา เพราะยังมีข้อจำกัดจากกฎระเบียบต่างๆที่ยังไม่นิ่ง และค่อนข้างรัดกุมมาก ทำให้การทำธุรกิจในช่วงแรกอาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างมาก แม้ว่าคนจะเริ่มสนใจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ในโลกยุคใหม่มากขึ้น เราก็เห็นโอกาสในการเตรียมความพร้อม ซึ่งเรามองว่าธุรกิจดังกล่าวจะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้"นายระเฑียร กล่าว
สำหรับธุรกิจที่บริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) ก็เป็นหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมให้ธุรกิจการเงินของบริษัทครบวงจรมากขึ้น และการได้พันธมิตรเข้ามา คือ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ก็เป็นพันธมิตรเข้ามาเสริมให้กับเราในการเลือกซื้อทรัพย์ที่แสนสิริมีความถนัด ไม่ว่าจะเป็นบ้านและที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ บริษัทสามารถใช้ช่องทางการขายทรัพย์ผ่านช่องทางการขายของแสนสิริได้ แต่ในส่วนของหนี้ที่ไม่มีหลักประกันนั้น บริษัทอาจจะบริหารเอง หรือมีการหาพันธมิตรอีกรายเข้ามาในการช่วยบริหาร ซึ่งจะทำให้การบริหารงานในส่วนนี้มีศักยภาพตามความชำนาญของพันธมิตรที่เข้ามาร่วม
ส่วนธุรกิจขายฝากที่ดิน XSpring เงินติดสปริง ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นโปรโมทธุรกิจ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสของทางเลือกของผู้ที่มีที่ดินแปลงใหญ่ ที่ต้องการเงิน สามารถนำมาขายฝากให้กับบริษัท โดยที่ปัจจุบันบริษัทเริ่มทยอยโปรโมทธุรกิจดังกล่าวให้คนรู้จักมากขึ้น โดยร่วมมือกับแสนสิริ
ทั้งนี้มั่นใจว่าหลังจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วเสร็จบริษัทจะมีความพร้อมในการขยายธุรกิจมากขึ้น จากการที่ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่ง และการมีพันธมิตรที่มีศักยภาพเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ ทำให้สามารถต่อยอดและสร้างการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง