นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกรไลน์ จำกัด (LINE BK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่ยังไม่คลี่คลายลง ส่งผลต่อทิศทางในการดำเนินกลยุทธ์สำหรับการรุกตลาดของ LINE BK จะไม่เร่งการปล่อยสินเชื่อมากเมื่อเทียบกับในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ จากแนวโน้มความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าที่มีแนวโน้มลดลง หลังจากได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และยังไม่มีความแน่นอนว่าผลกระทบดังกล่าวจะลากยาวไปนานแค่ไหน ทำให้เกิดความกังวลและความไม่มั่นใจในการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะลูกค้ารายใหม่ๆ
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้า LINE BK ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ประกอบอาชีพพ่อค้าแม่ค้าและอาชีพอิสระเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างการหารือความเหมาะสร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธุรกิจการเงินต่างๆ เพื่อหาความเหมาะสมในการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อย คาดว่าจะปรับลงมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน หลังจากภาครัฐต้องการผลักดันให้มีการช่วยเหลือรลดภาระและบรรเทาผลกระทบของลูกหนี้ มองว่าโดยปกติการปรับลดเพดานดอกเบี้ยรายย่อยจะปรับลดคราวละ 2-3% จะเห็นได้จากการปรับลดครั้งก่อนจาก 28% ต่อปีมาที่ 25% ต่อปี
การปรับอัตราเพดานดอกสินเชื่อรายย่อยจะกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้งหมด ทั้งรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยที่จะลดลงไป และกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อลดลง เพราะเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อจะต้องเปลี่ยนไป และมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทุกๆ 1% หากมีพอร์ตสินเชื่อ 100 ล้านบาทจะกระทบต่อรายได้ที่ลดลง 1 ล้านบาท หากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงทุกๆ 1%
สำหรับ LINE BK ปัจจุบันมีฐานบัญชีลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ที่ 2.8 ล้านบัญชี มียอดการทำธุรกรรมรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท และมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ทั้งการปล่อยสินเชื่อบุคคล และการปล่อยสินเชื่อนาโน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ขณะที่ NPL ของ LINE BK ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% ซึ่งยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าระดับ NPL ของ LINE BK จะเป็นอย่างไร เนื่องจากเพิ่มเปิดให้บริการมาเมื่อในช่วงต.ค. 63 ทำให้ภาพของทิศทาง NPL จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่บริษัทก็ยังคงควบคุมความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยจะควบคุมให้ไม่เกินระดับ 5%
ส่วนเพิ่มบริการอื่นๆของ LINE BK ในอนาคต ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งคาดว่าในปี 65 จะเพิ่มบริการการขายประกันเข้ามาเสริม และในปี 65 จะมีการเปิดให้บริการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นการลงทุนประเภทใดทั้งหุ้น กองทุนรวม หรือสินทรัพย์ดิจิทัล และในอีก 2 สัปดาห์นี้ จะมีการเปิดตัวพันธมิตรที่เข้ามาร่วมให้บริการสินเชื่อร่วมกับ LINE BK ซึ่งจะทำให้ LINE BK สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น