นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้องติดตามจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่ามีความคืบหน้ามากขึ้นเพียงใด และที่สำคัญภาระหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาขาดสภาพคล่องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบใหม่
อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญสหรัฐกล่าวเตือนให้ระวังการออกมาเดินทางท่องเที่ยวในในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้เนื่องในวันชาติสหรัฐ เพราะผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังอยู่ระดับสูง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งมีโอกาสที่ติดเชื้อได้ง่าย
ขณะเดียวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเรียกเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่ได้มากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพราะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในบางประเทศครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่แล้ว ดังนั้นคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,565-1,600 จุด
พร้อมกันนี้ต้องจับตาการแถลงสถานการณ์การส่งออกของสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และ สภาอุตสาสหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ , อียูเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. และ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจขั้นต้นเดือน ก.ค. ส่วนจีนก็มีการเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือน มิ.ย. ขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย. ซึ่งจะรู้ผลในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. และ ธปท. เผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน
ด้านสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ สุดท้ายจีนเปิดเผยดัชนี CPI และ PPI เดือน มิ.ย. สหรัฐรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ค.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยพุ่งขึ้นแรงแตะระดับ 6 พันราย ขณะที่การฉีดวัคซีนยังมีความล่าช้า และการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมการป้องกันโรคได้อย่างแท้จริง ประกอบกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2Q63 จากจำนวนผู้ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่น่าสนใจและแนะนำซื้อเก็งกำไร ได้แก่ CHG, EKH, BDMS, BCH, SMD และ TM
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในในเดือน มิ.ย.ปรับตัวลง 135 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ สู่ 1,769 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกรรมการเฟดจำนวน 13 จาก 18 ราย คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 66 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยส่งสัญญาณในเดือน มี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 67 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 66 ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำซึ่งก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้น 7.2% ในเดือน พ.ค.64
ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,730-1,810 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อมีการรีบาวด์ เนื่องจากมีคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง