บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT คาดวอร์แรนต์เข้าเทรดได้ปลายปี 50 หรืออย่างช้าต้นปี 51 รอผ่านมติผู้ถือหุ้นราวต้นเดือน พ.ย.นี้ก่อน ซึ่งมั่นใจว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเองและบริษัท รอระดมทุนราว 250 ลบ.
คาดปี 51 รายได้โตก้าวกระโดด 30% จากปีนี้โตพลาดเป้าเหลือ 20% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 25% หลังจาก Q2/50 ธุรกิจผิดพลาดเล็กน้อยจากปัญหาค่าเงินและวัตถุดิบราคาแพง แต่เชื่อสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติใน Q3 และ Q4 และยังมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังในอัตราที่สูงกว่าครึ่งปีแรกที่จ่าย 0.12 บาท/หุ้น
ส่วนปี 53 คาดว่ารายได้พุ่งทะยานแตะ 1 พันลบ.หลังนำเงินเพิ่มทุนแตกไลน์ธุรกิจ โดยมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจ Consumer Electronic & Entertainment เป็น 40% ในปี 53 จาก 10% ในปัจจุบัน เพราะมองว่าธุรกิจชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างที่คาดหวังไว้แน่นอน โดยบริษัทวางทิศทางสู่การเป็นบริษัทไทยอันดับ 1 ในธุรกิจชิ้นส่วนความละเอียดสูงในทุกภาคอุตสาหกรรม
นายสืบตระกูล บินเทพ กรรมการ SPPT เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า คาดว่าวอแรนต์จำนวน 70.92 ล้านหน่วยที่บอร์ดอนุมัติล่าสุดจะเข้าเทรดได้ปลายปีนี้ หรืออย่างช้าคือต้นปีหน้า โดยบริษัทจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 พ.ย.นี้ เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นก่อน หลังจากนั้นก็ยื่นขอให้ ก.ล.ต.อนุมัติ
"เชื่อว่าผู้ถือหุ้นน่าจะเห็นด้วย เพราะเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัท"นายสืบตระกูล กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถระดมทุนได้ประมาณ 250 ล้านบาทจากการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งเงินที่ได้จะนำมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินงานและขยายกิจการ
"เงินก้อนใหญ่เราคงจะนำไปใช้ขยายกิจการ เพราะทุกปีเรามีการลงทุนเกือบๆ 100 ล้านบาทอยู่ทุกปีอยู่แล้ว"นายสืบตระกูล กล่าว
นายสืบตระกูล กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะต่อยอดธุรกิจหลักคือชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ และขยายธุรกิจชิ้นส่วน Consumer Electronic & Entertainment รวมทั้งชิ้นส่วนไฮพรีซิชั่นประเภทอื่นๆ ซึ่งจะเตรียมเงินลงทุนไว้สำหรับอีกหลาย Project ในอนาคต แต่ยังให้รายละเอียดตอนนี้ไม่ได้
ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายของฮาร์ดดิสก์ อยู่ที่ 90% ขณะที่ชิ้นส่วน Consumer Electronic & Entertainment อยู่ที่ 10% แต่อนาคตบริษัทต้องการขยายสัดส่วน Consumer Electronic & Entertainment เพิ่มเป็น 20% ในปี 51 และเพิ่มเป็น 40% ในปี 53
*คาดรายได้โตกระโดด 30% ในปี 51 ก่อนทะยานแตะพันลบ.ในปี 53
นายสืบตระกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทวางทิศทางในอนาคตไว้ว่า ในปี 53 รายได้จะเพิ่มขึ้นแตะระดับพันล้านบาท จากปี 49 ที่รายได้รวมอยู่ที่ 660 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าปีนี้อาจจะทำรายได้พลาดเป้าจากที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 25% จากปีก่อน โดยอาจโตได้เพียง 20% เนื่องจากผลงาน Q2/50 ออกมาไม่ค่อยน่าพอใจนัก
"เรามาพลาดในช่วงควอเตอร์ที่ 2 ที่สภาวะตลาดลง ออเดอร์ลง ค่าเงิน วัตถุดิบปีนี้ (รายได้)เลยน่าจะปิดที่ 600 กลางๆ แต่น่าจะมากกว่าปีที่แล้วที่ปิดที่ 660 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขที่เรา Aim ว่าจะโต 25% นั้นเป็นการรวมผลประกอบการของบริษัทย่อยซึ่งทำธุรกิจแปรรูปขยะเป็นน้ำมันด้วย แต่เฉพาะในส่วนของบริษัทรายได้ปีนี้น่าจะอยู่ระหว่าง 660-700 ล้านบาท คือโตนิดหน่อย ประมาณ 20%"นายสืบตระกูล กล่าว
นายสืบตระกูล กล่าวถึงบริษัทย่อย คือ ซิงเกิ้ล พอยท์ เอนเนอยี่ ว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาสั่งซื้อเครื่องจากลูกค้าภาครัฐ คือ กระทรวงพลังงาน จึงยังไม่สามารถประเมินรายได้ได้ แต่คาดว่าภายในเดือนต.ค.นี้น่าจะได้รับคำตอบจากลูกค้า
นายสืบตระกูล ยังกล่าวถึงแนวโน้ม Q3 และ Q4/50 ว่า ขณะนี้มีคำสั่งซื้อฮาร์ดดิสก์และ Consumer Electronic & Entertainment จากลูกค้าเข้ามาแล้วเฉลี่ยประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือน
ส่วนเรื่องการจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลัง คาดว่าน่าจะจ่ายได้สูงกว่างวดครึ่งปีแรกที่จ่ายไป 0.12 บาท/หุ้น
สำหรับปี 51 บริษัทยังมั่นใจว่าจะโตก้าวกระโดดในระดับ 30% และในปี 53 รายได้น่าจะแตะระดับพันล้านได้ โดยบริษัทจะต้องขยายธุรกิจ มีไลน์ธุรกิจใหม่เพิ่มเข้ามา เพราะลำพังไลน์ธุรกิจเก่าซึ่งเติบโตตามสภาวะตลาดปีละ 10-15% คงไม่สามารถทำให้เติบโตได้อย่างที่หวังไว้ ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัทเดินไปถึงจุดนั้นได้
"ต่อไปเรา SPPT จะไม่ใช่แค่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่จะเป็นบริษัทคนไทยอันดับ 1 ที่ทำธุรกิจชิ้นส่วนความละเอียดสูงสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ การเติบโตในแต่ละปีจะต้องไม่ต่ำกว่า 30%"นายสืบตระกูล กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--