สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดรายนางสาวต้องใจ จิตรจรูญสวัสดิ์ กรณีซื้อหุ้น บมจ.ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ชำระเงินจำนวน 722,116 บาท รวมทั้งห้ามผู้กระทำความผิดซื้อขายหลักทรัพย์และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนางสาวต้องใจ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 722,116 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนางสาวต้องใจเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 12 เดือน ตามข่าว ก.ล.ต.ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 นั้น
แต่เนื่องจากนางสาวต้องใจไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จึงพิจารณาได้ว่านางสาวต้องใจไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีนางสาวต้องใจต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งให้นางสาวต้องใจชำระเงินรวมทั้งสิ้น 722,116 บาท กำหนดห้ามนางสาวต้องใจซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี และกำหนดห้ามนางสาวต้องใจเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542