ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ยอมรับปี 50 โอกาสเห็นกำไรได้ยาก เนื่องจากงวด 9 เดือนมีผลขาดทุน 4.96 พันล้านบาท เป็นผลจากที่ธนาคารต้องตั้งสำรองสูงถึง 1.18 หมื่นล้านบาท
"คงจะเหนื่อยการที่จะทำให้มีกำไร เพราะถ้าหากมีกำไร ผลการดำเนินการในไตรมาส 4 ธนาคารจะต้องทำกำไรให้ได้ถึง 4,900 ล้านบาทถึงจะตัดขาดทุนและทำให้มีกำไรได้" นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BAY กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าสิ้นปี 50 ยอด NPL อยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 6.38 หมื่นล้านบาท โดยก่อนสิ้นปีนี้ธนาคารเตรียมนำ NPLจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาทออกขายในไตรมาส 4/50 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของพอร์ต NPL ซึ่งขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจซื้อ NPL ดังกล่าวแล้ว แต่ธนาคารคงจะต้องพิจารณาถึงราคาที่เหมาะสม อาจจะเป็นการทยอยขาย
ขณะเดียวกันธนาคารจะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM) ในไตรมาส 4/50 ให้ได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/50 ที่อยู่ 3.23% แม้ในช่วงนี้จะมีการแข่งขันสูงที่อาจส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดลงบ้างก็ตาม
ส่วนการเข้าซื้อธุรกิจของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส (GECAL) ซึ่งเป็นผู้นำด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ นายตันกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังถึงการเข้าลงทุน หลังจากที่ ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแผนการซื้อ GECAL แล้ว
หากการเข้าซื้อ GECAL เสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะทำให้สินเชื่อของธนาคารเพิ่มขึ้นประมาณ 9 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากฐานสินเชื่อปัจจุบันที่มี 4.5 แสนล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 53 ซึ่งเป็นการช่วยเร่งการเติบโตด้านสินเชื่อรายย่อยของธนาคาร
"หากทางการอนุมัติการเข้าซื้อ GECAL จะส่งผลดีต่อธนาคาร โดยทำให้ฐานลูกค้ารายย่อยของลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น และยังทำให้ขยายเครือข่ายไปยังต่างจังหวัดด้วย รวมทั้งธนาคารอยู่ระหว่างการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองลูกค้ารายย่อย นอกเหนือจากลูกค้าใหญ่และกลาง" นายตัน กล่าว
และเมื่อเปรียบเทียบส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ GECAL อยู่ที่ 6.9% ขณะที่ BAY อยู่ที่ 3.2%
นอกจากนี้ ธนาคารออกบริการรับฝากเงินสำหรับลูกค้าบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสกุลบาท โอนเงิน ได้ 24 ชั่วโมง และสามารถถอนเงินได้สูงสุดวันละไม่เกิน 1 แสนบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--