นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) เปิดเผยว่า ภาพรวมทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรก จากความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาและอิฐมวลเบาตกแต่ง ปรับตัวดีขึ้น หลังภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนให้ดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ ผู้ประกอบการเร่งส่งมอบงานให้เป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้ อีกทั้งนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EEC การลงทุนภาครัฐ ที่ผลักดันให้เกิดการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน คลังสินค้า โครงการเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ เช่น งานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง อาคารสำนักงาน หน่วยงานราชการ และผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว ทยอยลงทุนปรับปรุง ซ่อมแซม ที่พัก อาคาร โรงแรม เพื่อรองรับนโยบายจากรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยกำหนดเป้าหมายที่จะเปิดประเทศ
"จากประกาศคำสั่งปิดแคมป์ก่อสร้าง สั่งหยุดทำงานก่อสร้าง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ใน 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน รวมถึงห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราว ส่งผลกระทบกับบริษัทเล็กน้อยในระยะสั้น จากการชะลอการก่อสร้าง ภาครัฐ-เอกชนบางโครงการ อีกทั้งจากมาตรการผ่อนปรน สำหรับโครงการที่ผ่านการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19และ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่ทางราชการกำหนด สามารถดำเนินงานในส่วนที่ไม่พบปัญหาได้ ขณะที่ บริษัทยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้รับเหมา ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง งานก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจคในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกและภูมิภาคอื่น ๆ ที่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ" นายรังสี กล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เดินหน้าก้าวสู่การเป็นผู้นำผนังอิฐมวลเบาครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการ การใช้งานวัสดุก่อสร้างอิฐมวลเบาเพื่องานโครงสร้างและงานตกแต่ง ภายใน-นอก ที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบ ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างได้มากขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการเติบโต
บริษัทฯ เตรียมออกสินค้าอิฐมวลเบาประหยัดพลังงานขนาดใหม่ ช่วยแก้ปัญหาการก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว และสินค้าใหม่อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่งภูมิทัศน์ ช่วยปรับพื้นที่สวน และบริเวณภายนอกบ้าน อีกทั้งพัฒนาสินค้าอิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม 2 ลาย จาก เดิม 7 ลาย หลังจากมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทปรับกลยุทธ์การทำการตลาด แนะนำสินค้าต่อกลุ่ม สถาปนิก ผู้รับเหมา รายย่อย เจ้าของบ้าน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้ง ขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน โมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
"อย่างไรก็ตาม บริษัทเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และ มาตรการของทางภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์ และเตรียมแผนจัดการบริหารความเสี่ยง ให้บริษัทสามารถปรับตัวรับมือได้ทัน ช่วยให้การบริหารงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น ผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ต่ำกว่า 5%" นายรังสีกล่าว