นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดขาย โดยเตรียมส่งมอบออเดอร์ (Backlog ) กว่า 250 ล้านบาท ให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจเทรดดิ้ง เช่น กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าได้กลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ ซึ่งจะดำเนินการส่งมอบได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นนโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาเลือกลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทน (ROE) ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ขึ้นไป จากที่ปัจจุบัน ROE อยู่ในระดับ 18.5% พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ดังนั้นบริษัทฯต้องลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้น
ส่วนความคืบหน้ากรณีการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น บริษัทฯ ยังคงเดินตามแผนนโยบายของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนก.ค.นี้ โดยบริษัทเข้าประมูล จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตแห่งละ 3 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะได้รับการคัดเลือก เนื่องจากมีความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า 10 ปี และยังมีโรงไฟฟ้าต้นแบบอยู่ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
บริษัทฯ ยังได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี sSET ในครึ่งปีหลังนี้โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.64 ซึ่งการได้รับการเข้าคำนวณในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมั่นคงทางธุรกิจ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เมื่อพิจารณาจากระดับ P/E ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 13.61 เท่า โดยถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน
"ดัชนี sSET เป็นการใช้เครื่องมือในการเปรียบเทียบผลตอบแทน (Benchmark) สำหรับหุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลาง และใช้คัดกรองหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี และยังมีโอกาสที่จะนำไปอ้างอิงสำหรับการออก ตราสารทางการเงินในอนาคตได้" นายชัชพล กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบุ๊กกำไรจากบริษัทร่วมทุน บางจาก ไบโอฟูเอล หรือ BBF งวดประจำปี 2563 ในส่วนที่เหลือ เข้ามาในไตรมาส 2/64 นี้ จำนวน 119.92 ล้านบาท ยิ่งเป็นการสะท้อนถึงผลการดำเนินงานจากการลงทุนที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้ต่อทุนหรือ D/E Ratio อยู่ที่ 0.98 เท่า
นายชัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีก็เปรียบเสมือนมีภูมิคุ้มกันด้านการเงินที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ดังนั้นบริษัทฯ จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยปรับนำ Business model ใหม่ เช่น การทำ consulting service มาใช้ พร้อมทั้งพยายามรักษาการให้บริการและฐานะลูกค้าให้ดีอย่างต่อเนื่อง