บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดว่า ในปี 51 ปริมาณการเติมน้ำมันจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 4.5-5.0% ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของ BAFS เติบโตขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนปีนี้คาดว่ารายได้คงจะใกล้เคียงกับปี 49 ที่ 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมาที่มีความผันผวน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 40-50% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 64% จากการที่บริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
"จากปัจจัยการเมืองคลี่คลาย ก็คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้น บวกกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น น่าจะส่งผลให้คนไทยท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น แม้ว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่า แต่สนามบินสุวรรณภูมิยังคงเป็นจุด Transit ไปยังออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์" ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าว
ทั้งนี้ ปริมาณการเติมน้ำมันในปี 51 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 13 ล้านลิตร จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 12 ล้านลิตร เนื่องจากจะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น แม้สนามบินสุวรรณภูมิจะมีปัญหาต้องซ่อมแซมบ้าง แต่ไม่ส่งผลให้เที่ยวบินลดลง ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดที่สนามบินสุวรรณภูมิ 90% และพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ในระดับนี้ในปี 51
นอกจากนั้น หากใช้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินระหว่างประเทศก็มีแนวโน้มส่งผลดีต่อบริษัทเพราะไม่มีคู่แข่ง โดยมีถังเก็บน้ำมันจำนวน 3 ถังรวมความจุน้ำมัน 21 ล้านลิตร ปัจจุบันปริมาณการเติมน้ำมันที่ดอนเมืองอยู่ที่ 6 แสนลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปริมาณ 3 หมื่นลิตร/วัน หลังที่ย้ายไปใช้สนามบินสุวรรณภูมิ
กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนวิธีการรับชำระค่าบริการเติมน้ำมันจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลบาท โดยกำหนดอัตราแลกเปลียนที่ 34.88 บาท/ดอลลาร์สำหรับงวดปี 51ซึ่งบริษัทได้แจ้งไปยังลูกค้าทุกรายแล้ว มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.50 และคาดว่าบริษัทจะใช้วิธีรับชำระเป็นเงินสกุลบาทไปโดยไม่มีกำหนด เพราะเขื่อว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--