บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) มองเป้ารายได้ปี 51 เติบโตก้าวกระโดดเป็น 70% จากที่จะเติบโต 40% ในปีนี้ จากผลของการทยอยรับออร์เดอร์ขนาดใหญ่จากลูกค้าต่างประเทศ หลังเข้าซื้อโรงงานแอร์ยอร์คและร่วมมือกับ SANTEC ซึ่งเป็นพันธมิตรจากญี่ปุ่น และช่วง 3 ปีข้างหน้าน่าจะทำรายได้แตะหมื่นล้านบาท
ผู้บริหารเตรียมบินลัดฟ้าเซ็นสัญญาลูกค้าญี่ปุ่นต้นเดือน พ.ย.นี้ ส่วนลูกค้าจากอเมริการอแค่โรงงานเสร็จสมบูรณ์พร้อมผลิตก็จะบินมาเซ็นสัญญาด้วยถึงที่ เผยออร์เดอร์ 2 รายรวมมูลค่าหลายพันล้านบาท สูงกว่าออเดอร์ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับ LG ไปเมื่อเร็วๆนี้ ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุน(PO)คาดว่าจะทำได้ในช่วงปลาย พ.ย.-ต้น ธ.ค.นี้ แนวโน้มกำหนดราคาขายอาจสูงกว่าบนกระดาน
นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร SNC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี หรือประมาณปี 54 จะมีรายได้ในระดับ 1 หมื่นล้านบาท โดยปี 51 รายได้จะเติบโตได้ถึง 70% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท หรือมีอัตราเติบโต 40% จาก 2,052 ล้านบาทในปี 49
"ปีหน้ายอดขายเราจะโตเกิน 5 พันล้านบาทแน่นอน และเราตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 3 รายได้จะถึงหมื่นล้านบาท เร็วกว่าที่คาดว่าภายใน 5 ปี เนื่องจากมีออเดอร์จากลูกค้ารายใหญ่ทยอยเซ็นสัญญาเรื่อยๆ"นายสมชัย กล่าว
ส่วน Net Profit Margin จะรักษาไว้ในระดับ 6-7% ทุกปี
นายสมชัย เชื่อว่าอัตราจ่ายเงินผลให้ผู้ถือหุ้นจะดีขึ้นเรื่อยๆตามอัตราการเติบโตของผลประกอบการ ซึ่งนโยบายบริษัทจะจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ
"เราจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่งปี 50 เราจ่ายระหว่างกาล(ม.ค.-มิ.ย.)ไปแล้วในอัตรา 0.30 บาท รวมแล้วปีนี้จะจ่ายในอัตราที่สูงกว่าปีที่แล้ว"นายสมชัย กล่าว
งวดปี 49 SNC จ่ายปันผลในอัตรา 0.45 บาท/หุ้น
*เตรียมไปญี่ปุ่นเซ็นรับออเดอร์ใหม่ต้นพ.ย.,ต้อนรับสหรัฐบินมาเซ็นสัญญาถึงที่
นายสมชัย กล่าวว่า ประมาณต้นเดือนพ.ย.นี้จะบินไปเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศไทย ที่จะจ้างให้บริษัทผลิต OEM มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท และถัดจากนั้นไม่นานก็จะมีลูกค้าจากอเมริกาบินมาเซ็นสัญญากับบริษัท ซึ่งออเดอร์ 2 รายนี้รวมกันมูลค่าหลายพันล้านบาท
"น่าจะเซ็นกับญี่ปุ่นก่อน มูลค่าเกินพันล้านบาท ส่วนอเมริกาก็อาจจะเกินพันล้านบาทเหมือนกันแค่รอให้โรงงานสมบูรณ์พร้อมเดินเครื่องผลิต"นายสมชัย กล่าว
ล่าสุด บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาผลิตเครื่องปรับอากาศให้ LG จำนวน 2 แสนชุด มูลค่า 1 พันล้านบาท และมีโอกาสที่จะได้ออร์ใหม่จาก LG หลังจากที่ส่งมอบล็อตแรกเสร็จช่วงกลางปี 51 เนื่องจาก LG เลือกบริษัทเป็นฐานการผลิตแห่งที่ 2 ในประเทศไทย โดยสินค้าที่ผลิตได้จะส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกได้ทันที
"เมื่อไม่กี่วันมานี้เราเพิ่งเซ็นสัญญากับ LG เป็นโปรเจ็คต์แรกที่ทำให้กับ LG หลังจากใช้เวลาเตรียมการเรื่องสายการผลิตของโรงงานที่ระยองอยู่นาน คาดว่าจะเริ่มผลิตเดือน พ.ย.นี้ และจะผลิตเต็มที่ 2 แสนชุดภายในกลางปี 51 หลังจากนั้นออเดอร์ล๊อตใหม่คงจะเข้ามา"นายสมชัย กล่าว
*โรงงาน 2 แห่งพร้อมลุยผลิตป้อนออร์เดอร์ใหม่
นายสมชัย กล่าวถึงโรงงานที่ระยอง เนื้อที่ 74 ไร่ ซึ่งสามาถรองรับการผลิตเต็มที่ได้ 4 แสนชุด ขณะนี้เพิ่งใช้ไปเพียง 50% ส่วนโรงงานอีกแห่งที่แหลมฉบังที่บริษัทเพิ่งซื้อมาจากบริษัท ยอร์ค (ประเทศไทย)รองรับการผลิตได้อีก 6 แสนชุด โดยขณะนี้ปรับสายการผลิตเรียบร้อยแล้ว พร้อมจะ Test Run เดือน พ.ย.และเดินสายผลิตจริงในเดือน ธ.ค.
"ที่แหลมฉบังออเดอร์จากอเมริกากับญี่ปุ่นจะเข้ามาในเดือน ธ.ค.นี้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเริ่ม Test Run ได้เร็วเท่าไหร่ออเดอร์ก็จะเข้ามาเร็วเท่านั้น แต่ Season ของแอร์เริ่ม ธ.ค.จนถึงพ.ค.ของปีถัดไป...ถือว่าจังหวะที่เราซื้อโรงงานของยอร์คที่แหลมฉบัง ตรงจังหวะเป๊ะ! เราซื้อเดือน ก.ย. ปรับไลน์เดือน ต.ค. Test Run พ.ย. เริ่มการผลิต ธ.ค. ออก Start ในช่วง High Season พอดี"นายสมชัย กล่าว
ส่วนเรื่องการร่วมทุนกับ SANTEC ตั้งโรงงานออกแบบและสร้างแม่พิมพ์ โดยโรงงานดังกล่าวอยู่พื้นที่เดียวกับที่ระยอง ซึ่งสินค้าที่ผลิตได้จะมา Support สายการผลิต OEM ของบริษัท
นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจหลักยังเป็น Indirect Export เกือบ 100% ส่วนเรื่องปัญหาค่าเงินบาทไม่มีผลต่อบริษัท เพราะซื้อขายสินค้าเป็นเงินบาท ขณะที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ 100%
"เร็วๆนี้เราจะผลิตสินค้าที่ช่วยประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครบวงจร เราทราบดีว่าอะไรที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเราไม่ทำแน่ๆ ถ้าไม่ประหยัดพลังงานก็ไม่ทำ"นายสมชัย กล่าว
*กำหนดขาย PO ปลายพ.ค.-ต้น ธ.ค.ราคาขายอาจสูงกว่าในกระดาน
นายสมชัย กล่าวถึงการกำหนดวันขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป (PO) ว่า ได้ส่งเอกสารให้ตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะใช้เวลาตรวจเอกสารประมาณ 30-45 วัน คาดว่าปลายเดือน พ.ย.หรือต้น ธ.ค.น่าจะขาย PO ได้ ส่วน Book Build คงจะกำหนดก่อนวันขาย แต่อาจจะไม่ขายต่ำกว่าราคาในกระดานอย่างที่เคยบอก
"ราคาจะต่ำกว่าในกระดานมั้ย...ไม่แน่ครับ ต้องดูราคาช่วงนั้นอีกที เพราะเรายังไม่ได้ประกาศข่าวดีออกไปเลย เราอยากให้ราคา Update จริงๆ"นายสมชัย กล่าว
SNC เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 201,403,239 บาท เป็น 301,403,239 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 1.00 บาท รวมเป็น 100 ล้านบาท จัดสรรขายให้กับประชาชนทั่วไป(PO) เพื่อใช้รองรับการลงทุนขยายธุรกิจในอนาคตของบริษัท และ/หรือ เพื่อชำระคืนหนี้แก่สถาบันการเงิน และ/หรือ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--