BEC ไม่เชื่อ MCOT แก้ไขสัญญา/เผยเตรียมแผนเพิ่มรายการ-ขึ้นค่าโฆษณา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 4, 2007 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. บีอีซีเวิลด์(BEC)ระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่ MCOT จะปรับขึ้นค่าสัมปทาน หลังจากทำสัญญากันมาร่วม 20 ปีไม่เคยมีปัญหา และการกำหนดค่าสัมปทานก็มีความยุติธรรมดี ซึ่งบริษัทก็ชำระให้ตรงเวลา อีกทั้งยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากอีกฝ่ายเลย เชื่อว่าน่าจะเป็นแค่กระแสข่าวลือเท่านั้น 
ผู้บริหาร BEC ยอมรับข่าวที่ออกมามีส่วนทำให้ราคาหุ้นร่วง แต่เชื่อว่าหากนักลงทุนได้รับการชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องก็น่าจะทำให้เข้าใจ และยังมั่นใจปี 50 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก กำไรทะยานแตะ 2 พันล้านบาทอย่างที่คาด หลังธุรกิจฟื้นตัวเต็มที่ แนวโน้มอุตสาหกรรมดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ส่วนกรณีหุ้น BEC เป็นหุ้นบันเทิงเพียงหนึ่งเดียวที่ติด TOP 50 มาร์เก็ตแคปสูงสุดในรอบ 8 เดือน ชี้เป็นเรื่องปกติ เพราะธุรกิจใหญ่มีมูลค่าการลงทุนสูงกว่าคนอื่นในธุรกิจเดียวกัน ซึ่งในอดีตก็เคยติดอัน TOP 10 ด้วยซ้ำ
*เชื่อสัญญาผูกมัดยุติธรรม-ไม่เคยมีปัญหา โอกาสเปลี่ยนแปลงยาก
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี BEC กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การทบทวนสัญญาสัมปทาน
ระหว่างบมจ.อสมท(MCOT)กับ BEC ในการบริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายก็ทำตามสัญญามาโดยตลอด ทั้งการจ่ายค่าสัมปทานและการลงทุนด้านโครงข่ายให้กับ MCOT ไปกว่าพันล้านบาท
"ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก MCOT เลยนะ สัญญานี้ทำกันมาตั้ง 17 ปีแล้วเป็นสัญญาแลกเปลี่ยน โดยเราก็ลงทุนสร้างโครงข่ายให้ ก็นานมาแล้วนะตั้งแต่ 17-18 ปีที่แล้ว แล้วที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยผิดสัญญาเลย..จ่ายค่าสัมปทานทุกปี ไม่เคยมีเจตนาจะทำผิดสัญญา ไม่ว่าจะเป็นสัญญาอะไรเลย เรากับ อสมท.ทำงานร่วมกันมา 38 ปีแล้วนะครับ ไม่เคยมีปัญหากันเลย"นายฉัตรชัย กล่าว
สัญญาสัมปทานระหว่าง BEC และ MCOT กำหนดอายุสัมปทาน 30 ปี สิ้นสุดในเดือนมี.ค.63 ซึ่งผ่านมาแล้วประมาณ 17 ปี ขณะที่มีรายงานข่าวว่าบอร์ด MCOT เสนอให้ทบทวนสัญญาเพื่อปรับขึ้นผลตอบแทนเป็น 15.20-25.73% ไม่ใช่ 1.43% ที่ได้รับในปัจจุบัน
นายฉัตรชัย ให้รายละเอียดว่า ในปี 49 BEC จ่ายค่าสัมปทานให้ MCOT เป็นจำนวน 129 ล้านบาท ส่วนค่าสัมปทานในปี 50, 51 และ 52 มีการกำหนดไว้ในสัญญาที่ 136 ล้านบาท 143 ล้านบาท 150 ล้านบาท ส่วนปีสุดท้ายคือ ปี 62 ค่าสัมปทานจะอยู่ที่ 244 ล้านบาท และจะลดเหลือ 62 ล้านบาท ในปี 63 เนื่องจากแค่ 3 เดือนในปีดังกล่าวสัญญาก็จะหมดอายุ
สำหรับราคาหุ้น BEC ที่วันนี้ปรับลดลงมาในวันนี้ ก็คงจะมาจากข่าวดังกล่าว แต่เชื่อว่าเมื่อนักลงทุนรู้ข้อเท็จจริงแล้วราคาหุ้นก็คงปรับตัวขึ้นมาเหมือนเดิม
*ปลายปีมีแผนเพิ่มรายการใหม่-เล็งขึ้นค่าโฆษณา
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้ช่อง 3 อาจมีรายการใหม่เข้ามาเสริมผังรายการให้เข้มแข็งขึ้น รวมถึงอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา คาดว่าจะประกาศช่วงปลายเดือนต.ค.หรือกลางเดือนพ.ย.เป็นอย่างช้า แล้วไปมีผลต้นปี 51 ซึ่งจะพิจารณาจากปัจจัยดีมานด์-ซัพพลาย โดยขณะนี้รายการช่วงไพร์มไทม์มีอัตราการโฆษณาค่อนข้างหนาแน่น
"ถ้าขึ้นเราก็คงขึ้นอีกไม่เยอะหรอก เราไม่อยากขึ้นเยอะ เป็นเรา เราก็ไม่อยากจ่ายเพิ่มเยอะ"นายฉัตรชัย กล่าว
จนถึงขณะนี้บริษัทยังมั่นใจว่าแนวโน้มผลประกอบการปีนี้น่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อน เนื่องจาก Q3-Q4 น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกและดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีนี้บริษัทฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากปี 48 เคยมีกำไรสุทธิเพียง 880 ล้านบาท
"เนื่องจากครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะปีนี้เราฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ปีที่แล้วเราเริ่มฟื้นจากปี 48 และพอมาครึ่งปีแรกเราก็ทำผลงานออกมาดีกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก"นายฉัตรชัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ BEC แสดงความมั่นใจว่า ปี 50 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเกินกว่า 2 พันล้านบาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับในปี 2546 -2547 ที่มีกำไรในระดับ 1.9-2.0 พันล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 51 น่าจะดีกว่าปีนี้ เนื่องจากมองว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง กำลังซื้อน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่วน BEC จะเติบโตมากเท่าไหร่ คงจะต้องมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
"ยังไม่สามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่าปีหน้าจะโตกว่าปีนี้อีกเท่าไหร่ แต่ดีกว่าปีนี้แน่นอน เพราะขนาดที่ว่าปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ครึ่งปีแรกเรายังกำไร 1.1 พันล้าน ขณะที่ปีที่แล้วทั้งปีเรากำไร 1.6 พันล้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราเก่ง เพียงแต่อุตสาหกรรมนี้ถ้าดี เราก็ดีด้วย และดูแนวโน้มปีหน้าน่าจะดี เพราะหลังเลือกตั้งจะมีการลงทุน รัฐบาลเองก็ประกาศทำโครงการรถไฟฟ้า น่าจะทำให้การใช้จ่าย และธุรกิจในประเทศดีขึ้นตามไปด้วย"นายฉัตรชัย กล่าว
*BEC เป็นหุ้นบันเทิงตัวเดียวที่ติด TOP 50 มาร์เก็ตแคปสูงสุดในรอบ 8 เดือน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า BEC เป็นหุ้นกลุ่มบันเทิงเพียงตัวเดียวที่มีมาร์เก็คแคปสูงสุด 50 อันดับแรกในรอบ 8 เดือนของปี 50 โดยมีมาร์เก็ตแคป 46,400 ล้านบาท จาก 42,200 ล้านบาทในปี 49 เนื่องจากมีมูลค่าการลงทุนในแต่ละปีค่อนข้างสูง
"หุ้น BEC มีมาร์เก็ตแคปสูงแบบนี้มาตั้งนานแล้ว...มาร์เก็ตแคปเราใหญ่ เพราะการลงทุนเยอะกว่าคนอื่น ในกลุ่มบันเทิงด้วยกันมีใครลงทุนเยอะอย่างเราบ้าง ธรรมดาครับ ธุรกิจเราใหญ่ มาร์เก็ตแคปก็ต้องใหญ่"นายฉัตรชัย กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีกองทุนต่างชาติมากกว่า 40 กองทุนสนใจเข้าลงทุนใน BEC เป็นเพราะหุ้น BEC เป็นหุ้นที่ต่างชาติสนใจเข้าลงทุนมากกว่าคนไทยอยู่แล้ว ซึ่งฟรีโฟลต 43% เป็นนักลงทุนต่างชาติกว่า 30% และขณะนี้หุ้นมีสภาพคล่องดีขึ้น

แท็ก (BEC)   MCOT   ว่าน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ