นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันราว 0.6-0.8% จากที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในอัตรา 0.50% สำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนตลาดบ้านเราก็มีความคาดหวังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะลดลงหลังจากที่ได้เริ่มใช้มาตรการคุมเข้มสกัดการแพร่ระบาดโควิดแล้ว ซึ่งน่าจะได้เห็นสัญญาณดีในระยะถัดไปข้างหน้า
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ก.ค.นี้ และติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 ของจีน รวมถึงตัวเลขส่งออกของจีน ส่วนบ้านเราให้รอติดตามการทยอยประกาศผลลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 2/64
พร้อมให้แนวรับ 1,535-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560-1,565 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,870.16 จุด เพิ่มขึ้น 448.23 จุด (+1.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.55 จุด เพิ่มขึ้น 48.73 จุด (+1.13%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,701.92 จุด เพิ่มขึ้น 142.13 จุด (+0.98%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 21.11 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 472.28 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 328.16 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ค.) 1,552.09 จุด เพิ่มขึ้น 8.42 จุด (+0.55%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 56.61 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ค.) ปิด 74.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.62 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ค.) อยู่ที่ 2.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.57 แนวโน้มอ่อนค่า กังวลภาวะเศรษฐกิจหลังใช้มาตรการคุมเข้มโควิด
- นายกฯนัดถกทีมเศรษฐกิจวันนี้ หามาตรการเยียวยาล็อกดาวน์ ช่วยนายจ้าง-แรงงาน 10 จังหวัด ในและนอกระบบ พร้อมจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ตั้งเงื่อนไขเข้าประกันสังคม ชี้ประชาชนไม่กล้าจับจ่าย เล็งทบทวน "คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้" รัฐบาลพร้อมเพิ่มกรอบหนี้สาธารณะ "เอกชน" หนุนเยียวยาล็อกดาวน์
- อสังหาฯ ยังอ่วมต่อเนื่อง 9 ไตรมาส! ศูนย์ข้อมูลฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 46.4 ชี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ขณะที่ครึ่งปีหลังยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะบริษัทกลุ่มนอกตลาดหลักทรัพย์ยังกังวลยอดขาย-การลงทุน และเปิดโครงการใหม่
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางสัญญาณความเสี่ยงที่ชัดเจนมากขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่มีแนวโน้มควบคุมได้ยาก เพราะต้องรับมือกับโควิดที่เป็นเชื้อกลายพันธุ์ โดยเงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 15 เดือนที่ 32.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อเพิ่มแรงกดดันต่อสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้ขาดดุลมากขึ้น คาดเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า ปัจจัยพื้นฐานของค่าเงินบาทกำลังอ่อนแอลงพร้อมๆ กับความเสี่ยงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะที่เหลือของปีนี้
- รฟท.เผยโครงการรถไฟทางคู่ หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ วงเงินลงทุน 7,864 ล้านบาท อาจถูกแช่แข็ง สภาพัฒน์ค้านระบบไฟฟ้าไม่เหมาะเอื้อประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวให้มาเลเซียมากกว่าไทย ขอให้ทบทวนใหม่ พร้อมแนะรัฐตัดงบช่วยโควิด-19
*หุ้นเด่นวันนี้
- JWD (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA consensus 16.3 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 โตต่อเนื่องตามดีมานด์ในทุกธุรกิจที่เพิ่มขึ้นรับอานิสงส์ภาคการค้าโลกฟื้นตัวและรับกระแส WFH, คลังห้องเย็นใหม่รับรู้รายได้เต็มไตรมาส
- TU (เคทีบีเอสที) "ซื้อ"เป้า 25 บาท จากแนวโน้มกำไรที่ยังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Q2/64 ที่ได้ปัจจัยสนับสนุนมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และแนวโน้มกำไรระยะยาว ที่จะเติบโตจากธุรกิจใหม่ที่มีอัตราการทำกำไรที่สูง และจะลดการพึ่งพิงธุรกิจที่อิงสินค้า commodity ดังนั้นราคาหุ้นไม่ควรเทรดที่ discount valuation อีกต่อไป
- EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท คาดกำไรปกติ Q1/65 เติบโตโดดเด่น +11% Q-Q, +312% Y-Y หนุนจากทั้งธุรกิจ Aeroflex ที่เพิ่มขึ้นใน US และ EU การส่งออกของ Aeroklas ที่ดีขึ้น และ EPP โตจากบรรจุภัณฑ์อาหาร ส่วน Margin คาดขยายตัวจาก Utilization Rate ที่สูงขึ้น พร้อมคาดโมเมนตัมการเติบโตยังแข็งแกร่งต่อเนื่องโดยเฉพาะธุรกิจฉนวนของ Aeroflex จากการเติบโตของตลาดสหรัฐฯ และมีการเพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่าตัวรองรับ ขณะที่บาทอ่อนเป็นบวกเนื่องจาก EPG มีสัดส่วนส่งออก 60% โดยคาดกำไรปี 2565 +25% Y-Y