นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้าง จากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทได้ปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 64 ลดลงเหลือ 3-6 โครงการ มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท จากเดิมที่วางแผนไว้ 8-9 โครงการ มูลค่า 8.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดการเปิดโครงการบ้านแนวราบลงเหลือเพียง 2-4 โครงการ จากเดิมที่จะเปิด 5-6 โครงการ หลังจากตลาดบ้านระดับบนมีการแข่งขันสูงมาก และกำลังซื้อยังคงชะลอตัว จึงปรับลดการเปิดโครงการแนวราบใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะของตลาด โดยที่จะมีโครงการแนวราบกลุ่ม Mass 2-3 โครงการ และกลุ่มพรีเมียม 1 โครงการ อีกทั้งยังปรับลดการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเหลือ 1-2 โครงการ จากเดิมที่จะเปิด 2-3 โครงการ
ดังนั้น บริษัทจึงจะมีการทบทวนเป้าหมายยอดขายในปี 64 ที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับการปรับลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทคาดว่าจะยังสามารถทำยอดขายได้ 50% ของเป้าหมายยอดขายเดิมที่วางไว้ แต่ยังต้องดูแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังว่าภาพรวมของตลาดจะกลับมาเป็นอย่างไร เพราะในช่วงนี้ที่ยังมีมาตรการควบคุการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวด ส่งผลให้การซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวไปบ้าง แม้ยังมีความต้องการซื้ออยู่ เพียงแต่รอเวลาที่สถานการณ์ในประเทศเริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้น
ด้านรายได้ของบริษัทยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7 พันล้านบาท โดยที่บริษัทยังคงเน้นการระบายสต็อกออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้ามาช่วยสร้างรายได้เข้ามา ซึ่งปัจจุบันยังมีสต็อกโครงการคอนโดมิเนียมที่พร้อมอยู่แล้วมูลค่า 8 พันล้านบาท โดยที่บริษัทจะเร่งการระบายสต็อกออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆออกมา ซึ่งคาดว่าจะสามารถระบายออกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้ราว 3-4 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีโครงการบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รอทยอยโอนอยู่ราว 2 พันล้านบาท ที่จะเข้าสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัท รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลัง และยังมีการโอนคอนโดมิเนียมที่อยู่ในมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาอีก 150-160 ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มี 1.8 พันล้านบาท ทำให้บริษัทยังมั่นใจรายได้ในปีนี้ยังทำได้ตามเป้าหมาย
"ตอนนี้เราก็ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากที่ปิดแคมป์คนงานไปแล้ว 1 เดือน จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง และมีมาตรการควบคุมออกมาเพิ่มอีก ก็กระทบกันหมด เราก็ต้องมีการวางแผนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ก็มีการเลื่อนเปิดโครงการไป ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นโครงการไหนกลับมาเปิดได้ก็อาจจะเปิดในช่วงเดือนสุดท้ายของปีหรือไม่ก็ต้นปีหน้าอีกที ตอนนี้ก็ขายสต็อกที่เรามีไปก่อน เพื่อสร้างรายได้เข้ามา โดยเฉพาะสต็อกคอนโดมิเนียมที่เรายังมีอยู่พอสมควร ก็ต้องหาจังหวะในการระบายออก"นายโอภาส กล่าว
สำหรับเป้าหมายในปี 67 ที่ตั้งเป้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในปีนี้เป็นอีกแรกที่มีการปรับองค์กร และการปรับกลยุถทธ์องค์กร ซึ่งจะค่อยๆเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทเดินหน้าในการสร้างการเติบโตกลับมา แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจเข้ามาอยู่ แต่เชื่อมั่นว่าหากปัจจัยที่กดดันได้ผ่านพ้นและคลี่คลายลงไป บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้