KWM-W1 เปิดเทรดวันแรกที่ 3.70 บาท ราคาล่าสุดที่ 3.64 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 3.96 บาท และราคาต่ำสุด 3.60 บาท ขณะที่หุ้น KWM ลดลง 2.63% เมื่อเวลา 10.59 น.
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค (KWM-W1) มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 139,998,338 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ (ใบสำคัญแสดงสิทธิ : หุ้นสามัญใหม่) 1 : 1 ราคาการใช้สิทธิ 1.50 บาท/หุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (5 กรกฎาคม 2564) โดยวันใช้สิทธิครั้งแรก 4 ม.ค. 2565 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 4 ก.ค. 2566
นอกจากนี้ KWM-W1 ใช้ cash balance เป็นระดับที่ 1 ตั้งแต่ 15 ก.ค.-06 ส.ค. 2564
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร KWM เปิดเผยว่า KWM-W1 เริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก หากผู้ถือหุ้นมีการแปลงสภาพหมดตามสิทธิจะส่งผลให้บริษัทได้รับเงินเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนเข้ามาประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลบริษัท มีศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน รวมถึงมีเงินทุนรองรับการเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้า
"KWM แจก KWM-W1 ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 3:1 จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย โดยวอร์แรนต์มีอายุ 2 ปี ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพได้ตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว คือวันที่ 4 ม.ค.65 , วันที่ 4 ก.ค.65 , วันที่ 4 ม.ค.66 และการใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งสุดท้าย วันที่ 4 ก.ค.66 โดยมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท โดยเม็ดเงินดังกล่าว บริษัทนำไปขยายและต่อยอดโครงการในอนาคต พร้อมเพิ่มไลน์การผลิต ทั้งในผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการเกษตร และการผลิตเครื่องจักร รวมถึงลงทุนในธุรกิจเครื่องสกัดพืชสมุนไพรไทย รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา"นายเอกพันธ์ กล่าว
ขณะที่บริษัทมีการปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมที่ 15-20% พร้อมทั้งได้วางงบลงทุนไว้กว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในคลังสินค้า และเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชั่น ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และเพื่อเป็นการสำรองกำลังการผลิตในช่วงที่เครื่องจักรต้องหยุดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนในการผลิตลดลง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มี Margin เพิ่มขึ้น
นางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ KMW กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มาจากที่ผ่านมาธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการทางการเกษตร ที่ผลิตให้กับกลุ่มบริษัทการเกษตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์ "ตราช้าง"รวมถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ "Pegasus" ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใบผาล มีคำสั่งซื้อเข้ามามากกว่าช่วงที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เป็นสัดส่วนรายได้สูงถึง 60 % ของรายได้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯคาดว่าการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีจะสูงถึง 80% สูงกว่าระดับปกติที่ 40-50%
"จากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตรที่มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ สามารถทำสถิติสูงสุดในครั้งใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยแรงสนับสนุนจากธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการทางการเกษตร ที่มีการเติบโตตามผู้ประกอบอาชีพภาคการเกษตรมากขึ้น หลังจากราคาสินค้าเกษตรที่ดี และจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ภาคการจ้างงานลดลง ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันราคาพืชผลทางการเกษตรค่อนข้างดี จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่ย้ายกลับเข้าไปสู่ภูมิลำเนาเดิม เพื่อประกอบอาชีพภาคการเกษตรมากขึ้น ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทการเกษตรขนาดใหญ่ อย่างสยามคูโบต้า คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตระดับสูงไปต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจากปกติจะเริ่มชะลอการสั่งผลิตในช่วงดังกล่าว" นางสาวติยาภรณ์ กล่าว