นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือดีแทค เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/64 จำนวนผู้ใช้บริการและรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นอีกไตรมาส ท่ามกลางความกังวลต่อการระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 3 ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์ของบริษัทในการมุ่งขยายตลาดลูกค้าคนไทยในประเทศ และการลงทุนขยายเครือข่ายในย่านความถี่ต่ำอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การบริหารประสิทธิภาพต้นทุน ยังช่วยผลักดันการเติบโตของผลกำไรได้ดี
"การให้บริการเครือข่ายความเร็วสูงสำหรับผู้ใช้บริการทุกคน ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราให้ความสำคัญสูงสุด ความคืบหน้าในการขยายเครือข่ายคลื่น 700 MHz ซึ่งมีสถานีฐานมากกว่า 9,000 แห่งในเมืองและพื้นที่ห่างไกล ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น ปัจจุบันคลื่นความถี่ต่ำครอบคลุมกว่า 80% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ความครอบคลุมในอาคารโดยรวมดีขึ้น 3% และข้อร้องเรียนของลูกค้าลดลง 5% เรายังมีการเปิดให้บริการ 5G ในอีก 3 จังหวัด เพิ่มเติมจาก 6 จังหวัดในการเปิดตัวครั้งก่อน"
นายชารัด กล่าวอีกว่า แนวทางการให้บริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ช่วยกระตุ้นผลการดำเนินงานในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดย dtac business ที่ได้เปิดตัวแบรนด์ครั้งใหม่ในปีที่ผ่านมา แสดงผลการเติบโตในส่วนของจำนวนลูกค้าธุรกิจรายใหม่ และรายได้จากโซลูชันธุรกิจประเภทต่างๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อัตราร้อยละที่เป็นเลขสองหลัก เป้าหมายของเราคือการช่วยเหลือ SMEs และธุรกิจไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ดีแทคได้ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมที่สำคัญ ในการพัฒนาบริการและโซลูชันใหม่ๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถปรับตัวและยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในยุคสมัยใหม่ ขณะที่การเดินหน้ายกระดับประสิทธิภาพของเรายังจะช่วยให้เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ณ สิ้นไตรมาส 2/64 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 19.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 164,000 รายจากไตรมาสก่อน จากการมุ่งขยายตลาดลูกค้าคนไทยในประเทศอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในเครือข่ายย่านความถี่ต่ำของบริษัท รายได้ค่าบริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากไตรมาสที่แล้วมาที่ 14,279 ล้านบาท และลดลงร้อยละ 2.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน EBITDA สำหรับ Q2/64 มีมูลค่า 8,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากไตรมาสที่แล้ว และลดลงร้อยละ 0.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน EBITDA margin (normalized) อยู่ที่ร้อยละ 49.0 ในไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 43.9 ในไตรมาสที่ 1/64 กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/64 คิดเป็น 1,531 ล้านบาท
นายนกุล เซห์กัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน ดีแทค กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่มุ่งขยายตลาดลูกค้าคนไทย เราประสบความสำเร็จในการเติบโตของรายได้จากบริการ 2 ไตรมาสติดต่อกัน และในขณะเดียวกันก็ดำเนินการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่การลดต้นทุนเชิงโครงสร้าง เป็นผลให้ EBITDA ของเรายังคงอยู่ในระดับที่ดี ในขณะที่กำไรสุทธิยังคงเติบโต จากไตรมาสที่แล้ว ณ ไตรมาสที่ 2/64 เรายังคงเดินหน้าการลงทุนด้านเครือข่าย ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งปีจนถึงปัจจุบันประมาณ 7.0 พันล้านบาท
ดีแทคคงแนวโน้มสำหรับปี 2564 ได้แก่ ด้านรายได้จากบริการ ไม่รวม IC ที่คงที่จนถึงลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ EBITDA ที่คงที่จนถึงเติบโตที่อัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และแนวโน้มด้านค่าใช้จ่ายลงทุนที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท