นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.และวันที่ 2-3 ส.ค.นี้ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) และ บล.เกียรตินาคินภัทร โดยการจองซื้อผ่านสาขาปกติและระบบออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
หุ้นกู้ดังกล่าวมีจำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย
หุ้นกู้ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.90% ต่อปี
หุ้นกู้ฯ อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี
และหุ้นกู้ฯ อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี
หุ้นกู้ฯ ทั้ง 3 รุ่น กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยบริษัท และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความเชื่อถือที่ระดับ "A+" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64
"บริษัทและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัท และต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ในระยะเวลาและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ ที่สามารถเสริมความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเห็นถึงความแข็งแกร่งในภาพรวมของบริษัทฯ และความสามารถในการรักษาวินัยทางการเงินและการบริหารเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความน่าสนใจของธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่บ้านปูยังมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคต โดยเฉพาะพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแผนขับเคลื่อนธุรกิจของบ้านปูตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี และทำให้หุ้นกู้ฯ บ้านปูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น"
นางสมฤดี กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบัน แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ภาวะวิกฤติที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ผลการดำเนินธุรกิจของ BANPU ยังคงสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินมาตรการลดต้นทุน และบริหารงบลงทุนอย่างรัดกุมเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ตลอดจนการเดินหน้าเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ (Banpu Transformation) สู่โลกยุค Never Normal เพื่อต่อยอดกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนภารกิจในการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน ผ่านการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตฟอลิโอพลังงานสะอาด พร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง
ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ปัจจุบัน บริษัทได้เข้าดำเนินธุรกิจครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย สปป.ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และ เวียดนาม โดยสร้างการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ประกอบด้วย ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ การจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ครอบคลุมโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน
และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ประกอบด้วยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและทุ่นลอยน้ำ ธุรกิจจัดเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจพัฒนาชุมชนอัจฉริยะที่กำลังเร่งสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งการพัฒนาโซลูชันและขยายการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนธุรกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ สำหรับปี 64-68 เพื่อต่อยอดสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter