นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคง Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ยกระดับมาตรการและขยายเวลาล็อกพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเติม อยุธยา-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี ขณะที่หนี้สาธารณะของประเทศเดือน พ.ค.64 พุ่งแตะ 8.69 ล้านล้านบาท คิดเป็น 55.42% ของ GDP ใกล้ถึงกรอบกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ไม่เกิน 60% ของ GDP และกระทรวงการคลังจ่อถกขยายเพดานหนี้เพิ่ม
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่กดดันตลาดหุ้นต่อเนื่อง อาทิ รมว.คลังสหรัฐเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นนานหลายเดือนคาดจะส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภค หรือแม้แต่สหภาพยุโรป (EU) ก็มีมติถอดประเทศไทยออกจากบัญชีรายชื่อกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยที่สามารถเดินทางเข้า EU ได้ในช่วงที่โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
ส่วนโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP หลายประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2564 รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด และกลุ่มโอเปก และโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค.2564 ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,520-1,580 จุด
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/64 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร สหรัฐเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค. ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR สหรัฐรายงานการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมิ.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ ที่จะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ CHG- EKH- BCH- VIBHA- SMD และ TM
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 19 เหรียญ/ออนซ์ สู่ 1,827 เหรียญ/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากดัชนี CPI สหรัฐที่พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0%
อีกทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป โดยการที่เฟดจะลดวงเงิน QE จากระดับ 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือนนั้น จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่วนประเด็นเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว จากการที่รัฐต่างๆทำการเปิดเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะปรับตัวลงเมื่อสถานการณ์ต่างๆกลับสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ ราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณรีบาวด์ทางเทคนิคจากการสร้างรูปแบบกลับตัว U Shape โดยฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,800-1,860 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้เล่นฝั่ง Long หลังปัจจัยทางเทคนิคและถ้อยแถลงของประธานเฟดหนุน อย่างไรก็ตามในระยะกลางทองคำถูกกดดันจากคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. หรือ ก.ย.