(เพิ่มเติม) ซีพีคาดปี 51 ธุรกิจในเวียดนามทำรายได้ 700 ล้านดอลล์/วางแผนลงทุน 5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 29, 2007 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เขตประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) คาดว่า ในปี 51 กลุ่มธุรกิจเกษตรฯจะมีรายได้รวมในเวียดนาม 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจากปี 50 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 550 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ส่วนในปี 51 บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังผลิตในโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกและอาหารปลา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 6 แสนตัน/ปี และจะเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลก
สำหรับแผนลงทุนของเครือซีพีในเวียดนามช่วง 5 ปี (นับตั้งแต่ปี 51 )คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , ธุรกิจโทรคมนาคม และ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง รวมถึงธนาคารพาณิชย์
"เบื้องต้นคาดว่าธุรกิจที่จะเริ่มได้ก่อนจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการศึกษาคาดว่าจะลงทุนโครงการชอปปิ้งมอลล์ ซึ่งรวมที่พักอาศัยภายในอาคารเดียวกัน ครบวงจรในที่เดียวกัน"นายสุขสันต์ กล่าว
ขณะเดียวกัน เครือซีพีอยู่ระหว่างการศึกษานำธุรกิจในเวียดนามเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม
"เราก็สนใจที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งถ้าเข้าไปจะถือว่าเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่มาก แต่ต้องมีกระบวนการจัดการอีกเยอะกว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ เราคิดว่ามีความพร้อม เพราะเราทำธุรกิจที่เวียดนามมา 15 ปีแล้ว" นายสุขสันต์ กล่าว
นายสุขสันต์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายร้าน CP Fresh Mart ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายเนื้อไก่สด เนื้อหมูสด รวมไข่ไก่ ในเวียดนาม เพิ่มเป็น 1 พันแห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 120 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในเวียดนาม รองรับการเปิดเสรีด้านค้าปลีก ซึ่งอนาคตบริษัทเตรียมนำผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาจำหน่ายด้วย ซึ่งอาจนำแบรนด์ "CP7-11" หรือ" LOTUS" มาใช้ ขณะเดียวกันก็คาดว่าการแข่งขันน่าจะสูงโดยเฉพาะคู่แข่งจากยุโรป เช่น วอลมาร์ท , เมโทร
ด้านการเมืองในเวียดนาม ปัจจุบันมีนโยบายชัดเจน และถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่นโยบายของภาครัฐก็จะยังคงต่อเนื่อง โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ก้าวไปเป็นประเทศอุตสาหกรรมในปี 56 น่าจะสำเร็จได้ตามแผน
ทั้งนี้ ข้อดีที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ ต้นทุนแรงงานต่ำกว่าในไทย , รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติ และแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้จีดีพีของเวียดนามจะเติบโต 8% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และคาดว่าปีหน้าจะโตเป็น 8.5% แต่ก็ยอมรับว่าเวียดนาม ยังมีข้อจำกัดด้านสาธารณูปโภค ได้แก่ ถนน รถไฟฟ้า ทำให้ระบบขนส่งไม่สะดวกมากนัก
สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดนกในเวียดนาม นายสุขสันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีผลกระทบกับบริษัท เพราะรัฐบาลเวียดนามมีมาตรการการควบคุมเป็นอย่างดี และได้มีการดูแลการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย และเชื่อว่าผู้บริโภคในเวียดนามมีความเชื่อมั่นสินค้าแบรนด์ซีพีอยู่แล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ