นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แกรนด์ รอยัล ออคิดโฮสพีทาลิตี้ (GROREIT) ซึ่งเป็นกองทุนทางเลือกในรูปแบบกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่มีสัญญาซื้อคืน (REIT with Buy Back) กองแรกของไทย จะเป็นกองรีทที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าในปัจจุบันธุรกิจโรงแรมจะเผชิญกับปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดมาต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมค่อนข้างมาก ซึ่งกระทบต่อสินทรัพย์ของกอง GROREIT ที่มีโรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ ทาวเวอร์ ด้วยเช่นกัน
แต่เชื่อมั่นว่าทีมงานบริหารของ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ที่จะมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของโรงแรมดังกล่าวให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้โรงแรมยังสามารถสร้างรายได้เข้ามาได้ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะยังไม่เห็นสัญญาณคลี่คลายลงชัดเจน ทำให้นักท่องเที่ยวและจำนวนผู้เข้าพักโรงแรมยังคงชะลอตัว แต่ทาง บลจ.วรรณ ได้ทำแผนร่วมกับทาง GRAND เพื่อประเมินความเสี่ยงอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้าไว้แล้ว
เบื้องต้นทาง GRAND ซึ่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดังกล่าวที่ขายเข้ากองรีท จะมีการปรับปรุงโรงแรมในบ้างส่วน พร้อมกับปรับปรุงพื้นที่ Rooftop โรงแรมให้เป็นร้านอาหารหรือบาร์เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับโรงแรมในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น และจะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถดึงดูดคนไทยและนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการในโรงแรมมากขึ้น จากการที่ทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ตรงข้ามไอคอนสยาม ซึ่งถือเป็นทำเลที่ดีมากในฝั่งพระนคร ทำให้การเพิ่มบริการที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารและบาร์เข้ามาจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
ขณะที่ในด้านผลตอบแทนของกองทรัสต์ GROREIT ในช่วง 3 ปีแรก ทาง บลจ.วรรณ ได้มีการทำงานร่วมกับ GRAND เพื่อจัดสรรเงินส่วนหนึ่งในการนำมารองรับการจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลให้กับนักลงทุน ซึ่งมีการการันตีผลตอบแทนในช่วง 3 ปีแรกไว้ที่ 6% ต่อปี และหากเจ้าของสินทรัพย์มาซื้อโรงแรมคืนในปีที่ 5 ตามสัญญาการขายคืนที่ทำไว้ คาดว่าราคาเสนอขายโรงแรมจะเพิ่มเป็น 4.87 พันล้านบาท จะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนราว 8% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของสินทรัพย์ไม่สามารถมาซื้อโรงแรมที่ขายเข้ากองรีทคืนได้ตามสัญญาทางกองรีทจะนำสินทรัพย์ไปขายทอดในตลาดทางกองรีทจะนำโรงแรมที่อยู่ในกองขายทอดตลาดออกไปได้ แต่ทาง บลจ.วรรณยังมีความมั่นใจว่าจากศักยภาพของเจ้าของสินทรัพย์ จะสามารถนำเงินมาซื้อคืนสินทรัพย์ได้ตามสัญญาระยะเวลา 5 ปี
นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GRAND กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบโดยตรง แต่บริษัทก็มีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อฝ่าวิกฤตครั้งนี้ เช่น การออกแพ็คเกจ Staycation และ Work from Hotel ให้บริการห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมเพื่อการทำงานได้อย่างสะดวกสบาย และเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยให้กับทั้งพนักงานและนักท่องเที่ยว พนักงานทั้งหมดของโรงแรมในกลุ่มทั้ง 5 แห่ง จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบภายในเดือนส.ค.นี้ และบริษัทยังมีแผนปรับปรุงบริการด้านต่างๆของกลุ่มโรงแรม เพื่อสามารถให้บริการได้หลากหลายรูปแบบตรงตาม
สำหรับการปรับปรุงโรงแรมในเครือให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน อย่างเช่น โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน จะทำการปรับปรุงร้านอาหารริมน้ำใหม่ โดยเพิ่มความหลากหลายของเมนูอาหารทะเลและบาร์ริมน้ำ เพื่อให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรม เดอะเวสติน แกรนด์ สุขุมวิท จะทำการปรับปรุงห้องอาหารคิซโซะ โดยเพิ่มเมนูอาหารเพื่อคนรักสุขภาพ ในส่วนของบาร์จะปรับปรุงพื้นที่การใช้งานให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันในการเป็นสถานที่นัดพบ เนื่องจากทำเลของโรงแรมเป็นจุดเชื่อมที่สำคัญของรถไฟฟ้า BTS อโศกและรถไฟใต้ดิน MRT สุขุมวิท มีความสะดวกอย่างมากในการเดินทาง
โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุขุมวิท มีการปรับรูปแบบการให้บริการโดยนำ "ร้านข้าว" ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาเปิดให้บริการที่ชั้น 4 ในโรงแรม ในส่วน "สเปคตรัม" รูฟท็อปบาร์ใจกลางสุขุมวิท จะเน้นเจาะตลาดกลุ่ม Gen Y และ LGBTQ เพิ่มขึ้น สำหรับ เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา และ เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า ได้เตรียมเปิดบริการบีชบาร์แห่งใหม่ และจะมีบริการอาหารญี่ปุ่น จากห้องอาหารคิซโซะ ของโรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ไปเปิดให้บริการเพิ่มเติม
ส่วนเชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า ได้เตรียมแผนปรับรูปแบบการให้บริการเป็นไพรเวทออนเซ็นพูลวิลล่า เอาใจสายท่องเที่ยวที่คิดถึงบรรยากาศการแช่ออนเซ็นพร้อมวิวธรรมชาติที่เป็นส่วนตัวในห้องพัก คาดว่าไตรมาส 4/64 จนถึงต้นปีหน้า ซึ่งการปรับปรุงโรงแรมในเครือจะทำให้ผลการดำเนินการของกลุ่มโรงแรมทั้ง 5 แห่ง จะสามารถกลับมาสร้างรายได้ดีขึ้น
"การเดินหน้าแผนธุรกิจต่างๆของโรงแรม ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสำคัญ รัฐบาลควรเร่งหามาตรการแก้ไขสถานการณ์การระบาดที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ภายในไตรมาส 3 ซึ่งคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน โดยการนำเข้าวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุดด้วย และเรามั่นใจว่าจะสามารถซื้อโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน กลับมาได้ตามระยะเวลาที่กำหนด 5 ปี"นายวิทวัส กล่าว