นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มูลค่า 5,000 ล้านบาท ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.47 % ต่อปี ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้ อยู่ที่ระดับ "A+" แนวโน้ม "คงที่"
ทั้งนี้การเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว มีจำนวนยอดจองซื้อมากกว่า 8,900 ล้านบาท หรือ มากกว่า 2.23 เท่า ทำให้บริษัทพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ผลการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของไทยยูเนี่ยน รวมถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในด้านความยั่งยืน
"การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากที่ไทยยูเนี่ยน ได้ออกสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยเช่นกันในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Blue Finance (การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อมหาสมุทรและอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยรวม)" นายธีรพงศ์ กล่าว
สำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนไม่เพียงแต่จะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยแต่ยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีลักษณะทางการเงินแบบ Step up/ Step down ซึ่งเป็นโครงสร้างแรกที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการดำเนินงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีการเชื่อมโยงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้กับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Targets หรือ SPTs) ตาม 3 ประการหลัก ในปี 66 และ ปี 69 ประกอบด้วย
SPT 1 คือ การขึ้นทะเบียนใน DJSI Emerging Markets และ ได้รับการจัดอันดับเป็น 10 บริษัทแรก (Top 10 companies) ของ DJSI Food Products Industry Index
SPT 2 คือ การลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) ให้ได้ร้อยละ 4 ต่อปี
SPT 3 คือ การเพิ่มการตรวจสอบด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือ มีผู้สังเกตการณ์ตรวจสอบบนเรือประมงปลาทูน่า
โดยผู้ลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทในครั้งนี้จะมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ในปี 66 และปี 69
พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดให้มีการสอบทานจากภายนอกสำหรับการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน โดย Sustainalytics ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการอิสระ (Second Party Opinion) เพื่อทำการสอบทานและรับรองว่ากรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัท (Thai Union?s Sustainability-Linked Financing Framework) เป็นไปตามมาตรฐานสากล
"ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการทำงานด้านความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของนโยบายของบริษัท Healthy Living, Healthy Oceans ในการที่จะดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ซึ่ง Blue Finance ครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถร่วมกับภาคการเงินในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์ท้องทะเลได้อย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการผลิตสินค้าอาหารที่ดีมีคุณค่าต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคทั่วโลกไปพร้อมกัน" นายธีรพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้กำหนดกรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Financing Framework) ขึ้นเป็นครั้งแรก ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนสู่การเป็น Blue Finance หรือการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการอนุรักษ์มหาสมุทรและเชื่อว่าการทำงานด้านความยั่งยืนจะต้องนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมโดยรวม