บมจ.ทุนเท็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ TUNTEX คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเข้ามาร่วมตัดสินทิศทางธุรกิจของบริษัทในระยะต่อไป หลังจากที่ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องอย่างหนักและมีภาระหนี้จำนวนมาก ทำให้ต้องลดการผลิตโรงงานเส้นใยโพลีเอสเตอร์ลงเหลือแค่ 10-20% ของกำลังผลิตตั้งแต่ปลายปี 49 แต่ขณะนี้ก็ยังเดินเครื่องผลิตแม้ว่าจะเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวขึ้นสูงตามราคาน้ำมัน ขณะที่ตลาดในประเทศซบเซา โดยอาจจะเสนอแผนให้กับผู้ร่วมทุนใหม่พิจารณาปรับเปลี่ยนแนวการผลิตมาเป็นขวด PET แทน
นายโสฬาร สุทธิพงศ์คณาสัย กรรมการ TUNTEX เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศหลายรายเพื่อให้เข้ามาร่วมทุนแก้ไขสถานการณ์ของบริษัท โดยกำลังพิจารณาทางเลือกหลายแนวทางทั้งการเดินหน้าธุรกิจผลิตโพลีเอสเตอร์เหมือนเดิม หรือเปลี่ยนไปผลิตขวด PET หรือ เปลี่ยนไปเป็นธุรกินอื่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
"เนื่องจากบริษัทอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ตอนนี้ต้องหาวิธีการเพื่อลดการขาดทุนและอาจจะต้องหานักลงทุนใหม่เพื่อที่จะช่วยกันคิดช่วยกันดูเรื่องการผลิต หรือจะแก้ไขกระบวนการผลิตอย่างไรเพื่อที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งพันธมิตรก็จะเข้ามาช่วยเหลือเราในทุกๆ ด้าน แต่ตอนนี้ยังไม่อยากเปิดเผยเพราะการเจรจายังดำเนินการอยู่"นายโสฬาร กล่าว
*ยืนยันเดินเครื่องผลิตต่อแม้ลดลงเหลือ 10-20% คาด Q3/50 ขาดทุนลดลง
นายโสฬาร กล่าวว่า บริษัทยังเดินเครื่องโรงงานผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นหลัก แต่ลดการผลิตลงมาเหลือประมาณ 10-20% ของกำลังผลิตทั้งหมด 2 แสนตัน/ปีตั้งแต่ปลายปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์กลับไม่ได้ขึ้นหรือลงตามราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนและราคาสินค้าไม่สอดคล้องกัน
"เมื่อต้นทุนขึ้นไปมากถึงจุด ๆ จุดหนึ่ง ทำให้ยิ่งผลิตมากก็ยิ่งขาดทุนมาก นโยบายของบริษัทเราก็ต้องลดการขาดทุนลง ซึ่งการลดกำลังการผลิตก็เพื่อที่จะลดการขาดทุนลง เราลดกำลังการผลิตมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ราคาน้ำมันขึ้นไป จาก 50-70 เหรียญฯ และราคาน้ำมันก็ไม่ลดลง ตอนนี้อยู่ที่ 80เหรียญฯแล้ว"นายโสฬาร กล่าว
อนึ่ง ในงบการเงินงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่ารายได้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้ลดกำลังผลิตลงเหลือเพียง 5%
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานเหลือประมาณ 100 กว่าคน จากเดิม 1,000 กว่าคน
นายโสฬาร คาดผลประกอบการไตรมาส 3/50 จะขาดทุนน้อยลงหลังจากลดกำลังการผลิต แต่ทั้งปี 50 คงยังขาดทุนอยู่ในระดับหลายร้อยล้านบาท ซึ่งหากเดินเครื่องผลิตเต็มที่อาจทำให้บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ บริษัทยังไม่มีแผนจะลดการผลิตลงจากระดับนี้อีกแล้วลดกำลังการผลิตลงอีกแล้ว คงจะเดินเครื่องอยู่เท่านี้ไปก่อน
อนึ่ง งบการเงินไตรมาส 2/50 ขาดทุนสุทธิ 351.05 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 57.66 ล้านบาท เนื่องจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่รายได้จากการขายงวด 6 เดือนปีนี้ลดลงจากงวด 6 เดือนปีก่อนเป็นจำนวน 2,521 ล้านบาท หรือ 90% เนื่องจากบริษัทลดกำลังการผลิตลง ส่วนขาดทุนขั้นต้นลดลงจากงวด 6 เดือนปีก่อนเป็นจำนวน 163 ล้านบาทหรือ 69% เนื่องจากขายสินค้าลดลง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--