สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. ไดเมท (สยาม) จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 40 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วน 22.22% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ทั้งนี้ ไดเมทฯ ต้องการจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)และมีบจ.แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการขาย IPO เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนปรับปรุงและก่อสร้างอาคารคลังสินค้า เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงระบบการผลิต คลังสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรมสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
บมจ.ไดเมท (สยาม)เดิมชื่อ บริษัท วัททิล ไดเมท(สยาม) จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงสำหรับใช้ทาในงานอุตสาหกรรม และงานโครงเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างต่าง ๆ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิตไฟฟ้า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย เพื่อป้องกันสนิมเหล็ก รวมไปถึงสีเคลือบไม้ สีทาเฟอร์นิเจอร์ และสีทาอาคาร
ผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงที่ผลิตมี 4 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สีป้องกันสนิม สีเคลือบไม้ สีทาอาคาร และสีอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 4.32 ล้านลิตร/ปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิต ประมาณ 69.44% ของกำลังการผลิต
ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท มีจำนวนทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 140 ล้านหุ้น และมีบริษัทย่อย 1 แห่งคือ บริษัท เอเชี่ยน คอร์โรชั่น คอนโทรล เทรดดิ้ง จำกัด(ACCT)ดำเนินธุรกิจรับเหมาทาสีโครงการ โดยบริษัทเข้าถือหุ้น 99.96% ของทุนจดทะเบียนของ ACCT ที่มี 2 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2550 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน50)มีรายได้รวม 303.48 ล้านบาท ต้นทุนขาย 207.66 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 71.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12.28 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 222.16 ล้านบาท หนี้สินรวม 126.18 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 95.98 ล้านบาท
บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะลงทุนเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต โดยการปรับปรุงสถานที่จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัท และปรับปรุงระบบและกระบวนการผลิตพร้อมทั้งเพิ่มจำนวนพนักงานและเวลาของการทำงานล่วงเวลา ของเวลาการทำงานปกติให้มากขึ้น ภายหลังการดำเนินการปรับปรุงดังกล่าว บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 6 ล้านลิตร/ปี เพื่อรองรับการเติบโตของยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีตามที่บริษัทได้วางแผนธุรกิจไว้
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนเพื่อปรับปรุงห้องทดลองสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สีของบริษัท และลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เน้นกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท 3 อันดับแรก ณ 17 สิงหาคม 2549 คือ นายสุรพล รุจิกาญจนา ถือหุ้น 21,845,400 หุ้นหรือคิดเป็น 15.60% ของหุ้นทั้งหมด ภายหลังขาย IPO จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 12.14%, นางเสาวลักษณ์ โชคอาภรณ์ชัย ถือหุ้น 20,145,400 หุ้นหรือคิดเป็น 14.39% ของหุ้นทั้งหมด ภายหลังขาย IPO จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.19% และกองทุนรวมเพื่อร่วมลงทุนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ถือหุ้น 20,000,000 หุ้นหรือคิดเป็น 14.29% ของหุ้นทั้งหมด ภายหลังขาย IPO จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.11%
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภท
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--