บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper License)ให้แก่ EGCO ในปริมาณการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) สูงสุด 200,380 ตันต่อปี เป็นระยะเวลา 10 ปีเพื่อนำเข้ามาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าเอสพีพีในกลุ่ม EGCO จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 256 เมกะวัตต์ใช้ปริมาณ 54,000 ตันต่อปี, โรงไฟฟ้าคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 122 เมกะวัตต์ใช้ปริมาณ 27,000 ตันต่อปี และ โรงไฟฟ้าเอ็กโกโคเจน จังหวัดระยองที่จะทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (SPP Replacement) ซึ่งสัญญาซื้อขาย ไฟฟ้าจะสิ้นสุดในปี 2567 ขนาดกำลังผลิตติดตั้งระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์ใช้ปริมาณ 119,000 ตันต่อปี
ทั้งนี้ EGCO แจ้งความประสงค์ต่อ กกพ.ขอปรับแผนนำเข้าแอลเอ็นจีรอบแรกปลายปี 64 ซึ่งการดำเนินการจริงจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกพ. พร้อมกันนี้ ได้วางแผนจะนำเข้าแอลเอ็นจีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป โดยแหล่งก๊าซที่จะนำเข้ามาใช้งานอยู่ระหว่างการเจรจา เบื้องต้นคาดว่าจะนำเข้าจากแหล่งก๊าซในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา อีกทั้ง การนำเข้าแอลเอ็นจีดังกล่าวจะมีส่วนช่วยบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้ลดต่ำลงและเปิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงของกลุ่ม EGCO ในอนาคต
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ภายหลังที่ กกพ. มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper License)
"บทบาทใหม่ของเอ็กโก กรุ๊ป ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ นอกจากจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักในด้านของการเพิ่มความสามารถในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งดังกล่าวแล้ว ยังเปิดโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงในอนาคตด้วย" นายเทพรัตน์ กล่าว