จากกระแสความกังวลของสถานการณ์ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ค่อนข้างผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้เริ่มเกิดคำถามจากบรรดานักลง ทุนว่าตลาด Cryptocurrency วันนี้ใกล้เข้าสู่วิกฤติฟองสบู่แตกหรือยัง !!
Crypto INSIGHT EP.4 ไปหาคำตอบกับนายนิรันดร์ ประวิทธ์ธนา CEO, และผู้ก่อตั้ง AVA Advisory เกี่ยวกับฟองสบู่ใน โลกคริปโทในวันนี้ว่าเป็น "เรื่องจริง" หรือ "มายา" กันแน่ ??
*สภาพคล่องล้นระบบ เงินไหลสู่ตลาด Cryptocurrency
นายนิรันดร์ ประวิทธ์ธนา CEO, และผู้ก่อตั้ง AVA Advisory กล่าวว่า สาเหตุราคา Cryptocurrency ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างร้อนแรงช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเกิดจากธนาคารกลางโลกได้มีการเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบด้วยการใช้นโยบายทางการเงินโดย การทำ QE (Quantitative Easing) อย่างมหาศาล โดยมีเงินในระบบเพิ่มขึ้นมากกว่า 900% จากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี ค.ศ.2009 เงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ "สินทรัพย์" ชนิดใหม่ที่ไม่เพิ่มตามปริมาณจำนวนเงินของรัฐ นั่นก็คือ สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Cryptocurrency ที่มี จำนวนจำกัดไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่สามารถใช้เป็นแหล่งพักเงิน และคงมูลค่าได้ไม่ต่างจากทองคำ หรือ อสังหาริมทรัพย์
"หลายกลุ่มคนอาจมีมุมมองต่อ "บิทคอยน์" หรือ "สินทรัพย์ดิจิทัล" ที่แตกต่างกัน แม้ว่าบางกลุ่มอาจมองว่า "บิทคอยน์" ผลิต
ขึ้นจากอากาศ ไม่มีมูลค่า ท้ายที่สุดมูลค่าก็จะกลับไปที่ "ศูนย์" แต่ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากสกุล
เงินที่ใช้จริงในปัจจุบันอาจถูกด้อยค่าลงในอนาคต"นายนิรันดร์ กล่าว
*"ฟองสบู่" เป็นธรรมชาติในโลกการลงทุนทุกสินทรัพย์
นายนิรันดร์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าตลาด Cryptocurrency อาจจะกำลังเผชิญกับกระแสภาวะฟองสบู่อย่างที่หลายคนกังวล แต่ เป็นปกติของกลไกทุกสินทรัพย์ต้องเจอเปรียบเสมือน "Life Cycle" เมื่อสินทรัพย์ชนิดใดก็ตามที่มีการไล่ซื้อในปริมาณมากก็ต้องเจอกับ ภาวะปรับฐาน เป็นกลไกเข้ามาช่วยลดความร้อนแรงของราคาแต่ละช่วงเวลา
ยกตัวอย่าง เช่น เหตุการณ์ปี ค.ศ.2000 ที่ตลาดหุ้น NASDAQ เกิดฟองสบู่แตกช่วง "Dot-Com Bubble" ซึ่งปัจจุบันตลาด NASDAQ กลับมาทำ All-Time-High อีกครั้ง ดังนั้น หากย้อนกลับมามองอีกมุมหนึ่งของภาวะฟองสบู่แตก คือ ทำให้ราคาสินทรัพย์เข้าสู่ มูลค่าที่แท้จริง
"บนโลกตลาด Cryptocurrency หลักการแยกดีมานด์แท้หรือดีมานด์เทียม ควรสังเกตว่าเม็ดเงินที่เข้าไปซื้อสินทรัพย์นั้นเป็น ลักษณะการลงทุนระยะยาวหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การเก็งกำไรเท่านั้น และคุณสมบัติของเหรียญ Cryptocurrency นั้นมีความสามารถ สร้างตัวชี้วัดต่อระบบเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ถ้าหากมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจก็น่าจะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน"นายนิรันดร์ กล่าว
*หลักคิดจำกัดความเสี่ยงลงทุนในโลกคริปโทฯ
สำหรับคำแนะนำกับผู้ลงทุนในตลาด Cryptocurrency อันดับแรกต้องคำนึงถึง Mindset เป็นสำคัญ ต้องแยกความแตกต่าง ระหว่างการลงทุนและการเก็งกำไรระยะสั้น เพราะการลงทุนในโลกคริปโทฯ มีความเสี่ยงสูง หากคาดหวังเพียงแค่การเก็งกำไร นักลง ทุนต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด
ขณะเดียวกันยังต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) แต่ละเหรียญ รวมทั้งระบบ Ecosystem ที่เกี่ยวเนื่องกับกลไก ของเหรียญนั้นๆว่ามีความสัมพันธ์กับ Money Supply ของโลกอย่างไร ไม่แตกต่างจากการลงทุนใน "หุ้น" หากต้องการลงทุนควรเข้าใจ พื้นฐานของธุรกิจในบริษัทนั้นอย่างแท้จริง
"หนึ่งตัวแปรสำคัญนั้นคือจังหวะการเข้าซื้อ เพราะธรรมชาติของ Cryptocurrency มีความผันผวนสูง ปรับฐานบ่อยครั้งและ ค่อนข้างรุนแรง นักลงทุนควรจับจังหวะเข้าซื้อให้ดี โดยแนะนำว่าหากต้องการซื้อในจังหวะปรับฐาน ควรเลือกเอาเงินไปพักในสินทรัพย์ดิจิ ทัลที่มีความผันผวนต่ำ เช่น Stable Coin ต่าง ๆ เป็นต้น
ดังนั้น การลงทุนคริปโทควรกระจายความเสี่ยงลงทุนในหลายสินทรัพย์ นอกเหนือจากกลุ่ม Stable Coin แล้วอีกหนึ่งทาง เลือก คือ "Synthetic Asset" ซึ่งมีการตรึงมูลค่าเท่ากับราคาหุ้นจริงหรือเหรียญที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เช่น BTC, ETC, BNB เป็นต้น"นายนิรันดร์ กล่าว
นายนิรันดร์ ยกตัวอย่างถึง "Stable Coin - Fiat Back" คือ Stable Coin ที่มีเงินดอลลาร์สำรองในปริมาณเท่ากัน 1:1 ยกตัวอย่างเช่น บริษัท "Tether" ออกเหรียญ USDT มูลค่ากว่า 50,000 ล้านเหรียญ เพื่อใช้งานในโลกคริปโท โดยที่บริษัทมีเงิน สดหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสด สำรองไว้จริง นั่นหมายความว่าเหรียญ Stable Coin ไม่ใช่เหรียญที่เสกขึ้นมาในอากาศ แต่มี มูลค่าจริงๆ
https://youtu.be/jMOxnT0EDPU