หุ้น STECH ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 3.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.66 บาท (+23.74%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.78 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,122.88 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.54 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.72 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.34 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเหมาะสมปี 64 ของ บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) ที่ 3.80 บาท อิง PER 16x เทียบเท่า+1SD above 5-yr average PER ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ประเมินตามลักษณะการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง โดยทำการเปรียบเทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้างและ SCP ควบคู่อัตราการเติบโตในระยะยาว ปัจจุบัน SCP เทรดที่ 2564 PER ที่ 9x และกำไรสุทธิในช่วง 2 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยเพียง +3%
นอกจากนี้ Bloomberg consensus คาดกำไรของกลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วง 2 ปีข้างหน้าขยายตัวราว +2% ขณะที่ประเมินกำไรสุทธิ STECH ในช่วง 2 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ยสูง +23% จึงมองว่า STECH ควรจะเทรดที่ระดับ PER สูงกว่า SCP และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ที่ 174 ล้านบาท +24% YoY หนุนโดยรายได้ที่กลับมาขยายตัว +21% YoY ตามแนวโน้มอุตสาหกรรมคอนกรีตอัดแรงที่คาดจะเห็นการฟื้นตัวมากขึ้นในครึ่งปีหลัง (H2/64) จากการลงทุนภาครัฐที่มีทิศทางดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายลดลง -26% YoY จากการนำเงิน IPO มาชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน
นอกจากนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 212 ล้านบาท โตต่อเนื่อง +22% YoY โดยสำหรับโครงการรถไฟทางคู่จำนวน 2 เส้นทาง คาดจะเริ่มหนุนรายได้บริษัทมากขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไป อีกทั้ง ประเมิน gross profit margin จะกลับมาฟื้นตัวเป็น 21.4% จากปี 64 ที่ 20.5%
STECH เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ในไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า "STEC" โดยจัดจำหน่ายให้ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์และบริการตอกเสาเข็ม นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการรับเหมาก่อสร้าง ประเภทงานติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV และงานออกแบบจัดหาพร้อมติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสง ณ สิ้นปี 63 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงราว 94% และรายได้จากบริการรับเหมาก่อสร้าง 6%