ASAP รับโควิดฉุดธุรกิจรถเช่าระยะสั้น-เช่าผ่านแอปฯ หวังปีนี้ลดขาดทุนจากปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 27, 2021 11:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ (ASAP) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัท ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และบริการรถยนต์ให้เช่าผ่านแอปพลิเคชั่น (ASAP App) ที่ต้องพึ่งพาการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จำเป็นต้องหยุดการดำเนินธุรกิจไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น โดยทั้งสองธุรกิจดังกล่าวนี้มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 10% ของรายได้รวม และในปีนี้ก็คาดว่าจะไม่เห็นรายได้ตรงนี้เข้ามา

ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ อย่าง ธุรกิจบริการให้เช่าระยาว ที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ลูกค้านิติบุคคลยังสามารถดำเนินการได้ปกติ เป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้ร่วมกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการทำสัญญากับลูกค้าเป็นระยะเวลา 4 ถึง 5 ปี รวมถึงธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสอง ก็ยังดำเนินการได้ดีอยู่ แม้ปัจจุบันราคาขายปรับตัวลง และยอดขายเบาบางลง เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาดูรถได้ตามปกติ จากการระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทฯ ก็ได้มีการปรับตัวมามุ่งเน้นการทำการตลาดและการขายผ่านออนไลน์ หรือ ใน Facebook : asap มากขึ้น และคาดหวังว่าราคารถยนต์มือสองจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/64 ทำให้มองว่าธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองจะเป็นตัวแปรหลักที่เข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดหวังว่าไตรมาส 4/64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ก็จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม รวมถึงการเดินทาง การใช้ชีวิตที่กลับมาเป็นปกติ

"เราทำได้แค่รอให้นักเดินทาง หรือการเดินทางกลับมาอย่างเดียว ขณะเดียวกันเราก็ดำเนินการลดต้นทุน การบริหารต้นทุนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง"นายทรงวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ ในแง่ของภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่าคงทำได้แค่ประคองตัว หรือไม่ให้มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ติดลบ 90.55 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/64 ยังขาดทุนอยู่ที่ 32.29 ล้านบาท จากการดำเนินการลดต้นทุนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และคาดหวังว่าไตรมาสสุดท้ายของปี หากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและฟื้นการเดินทางให้กลับมาเป็นปกติได้บ้าง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างรอติดตามสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานอีกครั้ง

ส่วนรายได้ในปีนี้คาดมีโอกาสเติบโตกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,556.79 ล้านบาท จากธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์มือสองที่จะเข้ามาเป็นตัวหนุน และคาดหวังว่าในไตรมาส 4/64 จะเห็นซัพพลายใหม่น้อยลง การโดนยึดรถน้อยลง ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์มือสองกลับมาดีกว่าปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ