หุ้น SCGP ราคาพุ่งขึ้น 5.02% มาอยู่ที่ 68.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 926.79 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.52 น. โดยเปิดตลาดที่ 65.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 68.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุด 65.50 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ "ซื้อ" หุ้น บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง(SCGP) ประกาศกำไรไตรมาส 2/64 +6% Q-Q, +19% Y-Y แข็งแกร่งตามคาด จากรายได้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และเส้นใยที่แข็งแกร่งและได้อานิสงส์จากการเข้าลงทุนกิจการใหม่ๆตั้งแต่ปีก่อน โดยยังมองบวกต่อกลยุทธ์ M&P ซึ่งจะหนุนการเติบโตระยะกลาง-ยาว พร้อมคาดกำไรปี 2564-2565 +52% Y-Y และ +29% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 76 บาท
ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุแนะนำ "ซื้อ" หุ้น SCGP ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 72 บาท (จาก 51 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ 2.3 พันล้านบาท (+20%YoY, +6%QoQ) ใกล้เคียงคาดการณ์ Bloomberg Consensus โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากราคาบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น และการรวมกิจการที่เพิ่งซื้อเข้ามาใหม่ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามต้นทุนเยื่อกระดาษ และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทยังเดินหน้าแผนการขยายธุรกิจในปี 2564 โดยจะซื้อกิจการแล้วเสร็จ 2 แห่งในช่วง Q3/64 ซึ่งคิดเป็น 5% ของรายได้
ส่วน บล.ทรีนีตี้ แนะ "ซื้อ" หุ้น SCGP ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท ประเมินว่าแนวโน้มของผลประกอบการของ SCGP ในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/64) จะดีกว่าครึ่งปีแรก (H1/64) โดยจะรับรู้กำไรจากบริษัท Duy Tan, Intan Group และ Deltalab ประเมินกำไรปี 2564 จะอยู่ที่ 9.5 พันล้านบาท +47% YoY
นอกจากนี้ เตรียมปิดอีก 2 Deals ในไตรมาส 3/64 นี้ จาก 1) Intan Group ผู้ผลิตกระดาษลูกฟูกประเทศอินโดนีเซีย และ 2) Deltalab ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประเทศสเปน ซึ่งประเมินว่าจะช่วยเพิ่มกำไรในไตรมาส 4/64 ได้ประมาณ 100-120 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือประมาณ 5%
อีกทั้งจะรับรู้กำไรจากบริษัท Duy Tan ประเทศเวียดนาม ในไตรมาส 3/64 เป็นจำนวน 2 เดือน และจะรับรู้เต็มไตรมาสในไตรมาส 4/64 คาดว่าจะช่วยกำไรของ SCGP เพิ่มอีกราว 8-10%
SCGP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 2.2 พันล้านบาท +19% YoY, +6% QoQ โดยรายได้ในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท +38% YoY, 10% QoQ