แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อการก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีสัดส่วนการก่อสร้าง 50% แต่อย่างไรก็ตามในต่างจังหวัดยังมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายคาดว่าการก่อสร้างจะกลับมาได้เร็ว ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของงวดปี 64/65 จะยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งภาครัฐบาลยังได้เน้นการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนขนาดใหญ่อื่นๆเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้เหล็กปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ประเทศจีนยังได้มีการปรับอุตสาหกรรมเหล็กให้ลดลง และเน้นการผลิตเหล็กเพื่อในประเทศมากขึ้น ในขณะเดียวกันค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้เหล็กในประเทศมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ผลิตเหล็กในประเทศไทยให้ปรับตัวดีขึ้น "ทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทีบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยราคาเหล็กที่ยังอยู่ในระดับสูง และความต้องการเหล็กยังมีอยู่สูง ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นมองว่าสะท้อนกับผลประกอบการของบริษัทปัจจุบัน"นายราจีฟ กล่าว