นายคีธ เนรูดา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับประเทศไทยของยูบีเอส ระบุ นักลงทุนไทยเริ่มหันกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อไม่นานนี้ เชื่อว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว จากปัจจุบันมีการซื้อขายและดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบๆ ที่เกิดค่าเสียโอกาสหรือส่วนลดของราคาตลาดและกำไรสุทธิต่อหุ้นของเอเชียที่ร้อยละ 33 จากร้อยละ 10 ในปี 2547 ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของส่วนลดราคาต่อกำไรสุทธิในเอเชีย
"ตลาดหลักทรัพย์ไทยติดอยู่ในช่วงการซื้อขายในกรอบแคบๆ ตั้งแต่ปี 2547 ภายใต้เป้าหมายดัชนีที่ระหว่างร้อยละ 15 - 30 พิจารณาจากดัชนีที่เพิ่มขึ้นและภาพรวมทั้งหมด ซึ่งจากการวิเคราะห์นี้แสดงถึงตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่าอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบการซื้อขายตามทฤษฎีที่ร้อยละ 2.3" นายเนรูดา ระบุในรายงานเรื่อง “ยุทธศาสตร์ในการลงทุนในหลักทรัพย์ไทย"
นายเนรูดา เชื่อว่า การปรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ข้อมูลสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวของตลาดคือ การที่นักลงทุนภายในประเทศได้ให้การสนับสนุนตลาด แม้ว่าจะมีตัวเลขการถอนทุนของจากต่างชาติก็ตาม ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมตลาดหุ้นไทยโตขึ้นร้อยละ 5 แม้ยอดการถอนทุนคืนจากต่างชาติสูงจะถึง 7.4 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
“อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองตลาดหุ้นไทยนั้นก็ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นยังคงอ่อนตัว โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคและการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีการเติบโตเพียงร้อยละ 1.4 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550" นายเนรูดา กล่าวต่อว่า
ทั้งนี้ การปรับมุมมองโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 827 จุด ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็น 922 จุดในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังเห็นสัญญาณที่ค่อนข้างดีของการยอดขายรถยนต์หลังจากมีการลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าข้อมูลนี้นับเป็นตัวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการบริโภคและจับจ่ายใช้สอยส่วนบุคคลได้
“แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจในผลการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นตลาด และคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้รับการยอมรับในเชิงบวกมากขึ้น"นายเนรูดา กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--