นายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ หัวหน้ากลยุทธองค์กร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ธนาคายังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศอย่างใกล้ชิด และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการมุ่งสร้างการเติบโตอย่างระมัดระวัง โดยเน้นไปในส่วนที่สามารถเติบโตได้ดี เช่น สินเชื่อรายย่อยที่มีหลักประกัน เป็นต้น
ขณะที่ภาพของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในครึ่งปีหลังนี้คาดจะเป็นขาขึ้นจากเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง แต่บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3.6% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.89% ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการ NPL ในระยะยาว ธนาคารได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการในเรื่องของการตัด NPL ไปยังพอร์ต Write-off ก็จะทำให้ธนาคารทำงานได้คล่องตัวขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมบันทึกค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการภายหลังการโอนกิจการทั้งหมด (EBT) เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากกิจกรรมด้าน rebranding และกิจกรรมทางการตลาดได้ถูกเลื่อนออกมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 จากเดิมที่จะมีการบันทึกในไตรมาส 2/64 รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรับช่วงสิทธิจะถูกบันทึกในไตรมาส 3/64 และค่าใช้จ่าย HR เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการดูแลสุขภาพของพนักงานในช่วงการระบาดของโควิด-19 ด้วย แต่ในภาพรวมยังคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะยังอยู่ในเป้าหมายของธนาคารที่ 47-49% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 47%
สำหรับเป้าหมายต่างๆ ในปีนี้ ธนาคารฯ ยังคงเป้าหมายเอาไว้ตามเดิม โดยคาดสินเชื่อจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ธนาคารทำได้ดี ขณะเดียวกันส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3% และ NPL จะควบคุมไม่ให้เกิน 3.6%
รวมถึงยังคงคาดการณ์อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อในปีนี้ที่ 160-180 เบสิสพอยท์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 161 เบสิสพอยท์ ซึ่งเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวจะยังเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ แม้จะมีการขยายล็อกดาวน์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น
"ธนาคารยังคงคิดว่ากรอบเป้าหมายที่เราให้ไว้ที่ต้นปี ยังคงเอาไว้ตามเดิม เนื่องจากมองว่าสถานการณ์โควิด-19 คงไม่ได้จะจบเร็ว แต่คิดว่าคงลากยาวออกไป ดังนั้นเป้าหมายของเราก็ค่อนข้าง Conservative อยู่แล้ว" นายนริศ กล่าว