นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์อิงขึ้นได้เล็กน้อย คล้ายกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบสลับไม่เกิน 0.5% หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงกว่า 3% จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกสูงขึ้นเป็น 5-6 แสนรายต่อวัน จากเดิม 3 แสนรายต่อวัน และดัชนีภาคการผลิตของจีนและสหรัฐเริ่มชะลอลง ทำให้เห็นภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราวานนี้เริ่มเห็นการรีบาวด์กลับหลังลงไปทดสอบ 1,513 จุด และนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาซื้อหลังจากมองว่าจุดนี้ต่ำแล้ว อาจทำให้เกิด Cover short ได้ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศก็ยังทรงตัวแถว 17,000-18,000 จุด แม้จะยังสูงแต่ดีที่ไม่เร่งตัวขึ้นไปอีก ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ถ่วงตลาดฯให้อยู่ในลักษณะซึม ๆ
วันนี้ต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดออกมาเพิ่มเติม และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/64 โดยวันนี้มี ADVANC รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ ส่วนต่างประเทศช่วงนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ
พร้อมให้แนวรับ 1,520-1,513 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,538 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,838.16 จุด ลดลง 97.31 จุด (-0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.16 จุด ลดลง 8.10 จุด (-0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,681.07 จุด เพิ่มขึ้น 8.39 จุด (+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,446.78 จุด ลดลง 17.51 จุด (-0.50%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,580.03 จุด ลดลง 200.99 จุด (-0.72%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,289.06 จุด เพิ่มขึ้น 53.26 จุด (+0.20%)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ส.ค.) 1,525.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.19 จุด (+0.21%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 776.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ส.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ส.ค.) ปิด 71.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 3.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ส.ค.) อยู่ที่ 3.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.95 ตัวเลขศก.สหรัฐกดดันดอลล์อ่อน คาดกรอบวันนี้ 32.90-33.05
- สศช.ชง ครม.วันนี้เพิ่มเยียวยาอีก 16 จังหวัด ในพื้นที่สีแดงเข้ม ขอเพิ่มงบเงินกู้จากเดิม 3 หมื่นล้านบาท หลังจำนวนผู้เยียวยาสูงขึ้น นายกฯ สั่ง "สาธารณสุข" เร่งกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยตามบ้าน "คลัง" ชี้เพิ่มล็อกดาวน์ไม่กระทบเป้าจีดีพี "ทีดีอาร์ไอ" ห่วงกลุ่มหลุดจากระบบเยียวยา
- คลังสั่งเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรนธุรกิจสายการบิน ภายใต้เงื่อนไขคงจ้างงาน ด้าน "รักษ์" เผย 3 สายการบิน "ไทยแอร์เอเชีย ไทยสมายล์ บางกอกแอร์เวย์ส" ได้รับความช่วยเหลือแล้วกว่า 2 พันล้านบาท ส่วน "เวียตเจ็ท" กำลังพิจารณา ฟาก "7 แอร์ไลน์" เผยยังรอหนังสือตอบชัดจากคลัง-เอ็กซิมแบงก์
- กรมชลฯเร่งใช้งบลงทุนค้างท่อ กว่า 2.5 หมื่นล้านกระตุ้นการลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นงบฯ ปี'64 พร้อมเร่งใช้งบฟื้นฟู 4.2 พันล้านตามมติ ครม. เผยปีงบ 65 ได้รับจัดสรรงบลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านหวังเกษตรกรได้ประโยชน์ 2 ล้านครัวเรือน
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ต่อปี ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และอาจแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจไทยที่เปิดกว้างมากขึ้น เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีแนวโน้มรุนแรงยืดเยื้อ การขยายมาตรการควบคุมโรคและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความเปราะบางของตลาดแรงงาน รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ช้ากว่าเป้าหมาย ด้านการใช้จ่ายในประเทศที่อ่อนแอยังส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ต่ำลงด้วย
- หอการค้าไทยสุดทนโควิด-19 ระบาดเร็วแรง ทำหนังสือถึงนายกฯ เสนอแนวทางหยุดแพร่เชื้อ เตรียมทำ "บับเบิล แอนด์ ซีล" เปิดบริษัท-โรงงานให้พนักงานมาอยู่ ลดเดินทาง จับคู่โรงพยาบาล-โรงแรมทำที่กักตัวให้พนักงานติดเชื้อกลุ่มสีเขียว ส่วนล็อกดาวน์ 29 จังหวัดเสียหายหนักเดือนละ 3-4 แสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 210 บาท คาดผลกำไร Q2/64 ที่ 6,700 ล้านบาท ทรงตัว qoq และ yoy ในอดีตราคาหุ้นมักจะ Outperform ตลาดได้ในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.จากการดักซื้อรับเงินปันผลครึ่งปี โดยปีนี้คาดจ่ายปันผลระหว่างกาล 3.25 บาทให้ Dividend yield 1.8%
- SMT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.50 บาท ระยะสั้นกำไร Q2/64 คาดโดดเด่นตามกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากคำสั่งซื้อแข็งแกร่ง และยังไม่ถูกกระทบจากปัญหา Chip ขาดแคลน ขณะที่บาทอ่อนเป็นปัจจัยหนุน ล่าสุดคำสั่งซื้อเห็นยาวจนถึง Q4/64 แล้ว และคลอบคลุม 96% ของเป้ารายได้ทั้งปี โดยคาดกำไรปี 2564 +139% Y-Y และ +51% Y-Y ในปี 2565
- CKP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 6.35 บาท คาด Q2/64 จะเติบโตเด่น YoY พลิกจากขาดทุนในปีก่อน จากปริมาณขายไฟน้ำงึม 2 (NN2) เพิ่มขึ้น +143%YoY ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้นจากพายุหลายลูก ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรไซยะบุรี (XPCL) เพิ่มตามปริมาณขายไฟฟ้า +52%YoY เพราะจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนเข้าแม่น้ำโขงเพิ่ม ขณะที่ H2/64 จะดีขึ้นต่อ HoH จากเข้าฤดูกาลผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำ โดย CKP จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น XPCL อีก 5% เป็น 42.5% ส่งผลให้ MWe เพิ่มขึ้นเป็น 1 GW น่าจะเสร็จในช่วง Q3/64 รวมถึงมี Solar Rooftop 6 โครงการทยอย COD และโรงไฟฟ้า BIC จะกลับมาเดินเครื่องหลังจากปิดซ่อมตามแผน หนุนทั้งปี 64 กำไรมีโอกาสขยับเกิน 2 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่นจาก405 ล้านบาทในปีก่อน